Pride Month: 4 นวนิยายน้ำดีที่บอกเล่าเรื่องราวของ LGBTQIA+ ได้อย่างงดงาม
Author: Kantinan Srisan | Photographer: Jirayut Thongnarin
Jun 25, 2024
“…สืบเนื่องจากบทความที่แล้วที่เราพูดกันถึงเรื่องของวาระสำคัญของโลกแฟชั่นที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) วันนี้ #Legend_th ขอเป็นตัวแทนร่วมสนับสนุนและเฉลิมฉลองให้กับวาระโอกาสของ Pride Month ประจำปี 2024 กันอีกครั้ง ผ่าน 4 นวนิยายชิ้นโบว์แดงที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่พร้อมจะทำให้คุณอิ่มเอม เศร้าโศก และประทับใจอย่างคาดไม่ถึง…”
Call Me by Your Name โดย André Aciman
เมื่อพูดถึงนวนิยายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่ม LGBTQ+ ชื่อ Call Me by Your Name คือหนึ่งในนวนิยายที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูงสุดมาอย่างยาวนาน เรื่องราวความรักระหว่างเด็กชายคนหนึ่ง Elio (นำแสดงโดย Timothée Chalamet) และนักเรียนใหม่ Oliver (นำแสดงโดย Armie Hammer) นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกันที่มาพักร้อนและทำผู้เป็นพ่อทำวิจัยที่บ้านริมชายฝั่งของเขา หากมองจากเส้นเรื่องแล้ว นวนิยายเล่มนี้อาจไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่เนื่องด้วยบรรยากาศริมทะเลและเสน่ห์ของอิตาลีตอนเหนือ ประกอบกับความเป็นนวนิยายที่แสดงให้เห็นถึงภาวะความสับสนของตัวละครได้อย่างดี การต้องเผชิญหน้ากับปรารถนา ความอยากรู้อยากลอง และความผิดหวังด้วยข้อจำกัดของความสัมพันธ์ และการเติบโตแบบ coming-of-age ที่มีไดนามิค ไม่ทำให้แปลกใจว่าเหตุใดนวนิยายเล่มนี้ถึงได้เป็นเล่มที่ฮอตฮิตตลอดกาลในสาขาความรักและ LGBTQIA+
Giovanni's Room โดย James Baldwin
อีกหนึ่งนวนิยายขึ้นหิ้งของ James Baldwin ที่พาผู้อ่านดำดิ่งไปกับห้วงลึกแห่งความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่เติบโตมาอย่างรวดร้าวกับภูมิหลังที่ไร้ซึ่งผู้เป็นแม่คอยดูแล เนื้อเรื่องบอกเล่าอย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดในความรู้สึกของการมีเพศสภาพและความสัมพันธ์ระหว่าง David ผู้เป็นตัวละครหลักกับ Giovanni หนุ่มบาร์เทนเดอร์ชาวอิตาเลียนที่มาอยู่อาศัย ณ กรุงปารีส ที่ไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมในขณะนั้น การถูกกีดกัน การไม่ยอมรับ รวมไปถึงสารพันปัญหาของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศช่วงยุค 50s ได้ถูกนำมาบอกกล่าวอย่างชัดเจน
Tipping the Velvet โดย Sarah Waters
นวนิยายน้ำดีจากฝีมือของ Sarah Waters ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Nancy Astley หญิงสาวจากครอบครัวประมง ณ เมืองชนบทริมทะเลของเกาะอังกฤษที่มีความสัมพันธ์ตามทำนองครองธรรมของสังคมไม่ได้ผิดแปลกอะไร เรื่องราวดำเนินมาได้อย่างราบรื่นจนกระทั่ง Nancy ได้มาพบกับการแสดงของ Kitty Butler นักแสดงหญิงที่แต่งตัวเป็นสุภาพบุรุษ ที่ทำให้โลกหลังจากการพบเห็นกันของ Nancy เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทั้งในจังหวะที่ดีและเลวร้ายสุดขั้ว ราคะ ตันหา ความรัก ความผิดหวัง และการผกผันของชีวิต คือคำที่บอกเล่าถึงเส้นเรื่องของนวนิยายเล่มนี้ได้อย่างตรงประเด็น เมื่อผสมผสานเข้ากับทักษะการเขียนระดับครูของ Sarah Waters ที่ทำให้ผู้อ่านเสมือนได้ดำดิ่งไปกับความรู้สึกของตัวละคร Nancy ได้อย่างลึกซึ้ง จึงไม่เป็นที่แปลกใจแต่อย่างใดที่ Tipping the Velvet จะเป็นหนึ่งในนวนิยายสายเลสเบี้ยนที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่งมาจวบจนปัจจุบัน
The Hours โดย Michael Cunningham
นวนิยายเจ้ารางวัล ผลงานชิ้นโฐว์แดงของนักเขียนชาวอเมริกัน Michael Cunningham ที่ทำให้ตัวเขาโด่งดังไปทั่วโลก ที่ตีแผ่เรื่องราวของตัวละครหญิงสาวทั้ง 3 คนใน 3 ช่วงเวลาที่แตกต่างกันแต่ดำเนินเรื่องราวไปพร้อมๆ กันภายในหนึ่งวันอย่าง Virginia Woolf (นำแสดงโดย Nicole Kidman) หญิงสาวนักเขียนเจ้าของผลงาน “Mrs. Dalloway” ที่ฝังรากลึกับความเจ็บปวดและเลือกจะจากโลกนี้ไปในปี 1941 อีกหนึ่งคนคือ Clarissa Vaughan (นำแสดงโดย Meryl Streep) แม่ม้าบุคลิคเป็นสาวสังคมผู้เปี่ยมล้นด้วยมิตรสหายที่ต้องการแวดล้อมด้วยผู้คนเพื่อฟังลึกซึ่งแผลในใจที่ไม่เคยบอกกล่าว และคนสุดท้าย Laura Brown (นำแสดงโดย Julianne Moore) แม่บ้านสาวผู้ปวดร้าวจากชีวิตคู่ที่ระทมทุกข์ด้วยภาระที่ต้องดูแลลูกชาย ที่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ Mrs. Dalloway ของ Virginia Woolf อันเป็นจุดเชื่อมโยงของเรื่องราวทั้งหมด
อ่านบทความเพิ่มเติม: Pride Month: สารพันไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ที่กลุ่ม LGBTQIA+ มอบให้แก่โลกแฟชั่น