April 1, 2024

“…ทูมิ (Tumi) แบรนด์กระเป๋าเดินทางระดับตำนานที่มากด้วยเรื่องราวความประทับใจกว่า 49 ปี เปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในเอเชียที่ย่านโอโมเตะซานโดฮิลส์ (Omotesando Hills) เผยโฉมความงามชวนจดจำที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของคอลเลคชั่นยอดนิยมอย่าง 19 Degree ได้อย่างเด่นชัด ผ่านกรรมวิธีการรังสรรค์ด้วยแผ่นอลูมิเนียมกว่า 250 ใบ ที่ในครั้งนี้ Zaneta Cheng ผู้ดำรงตำแหน่ง Editor in Chief ของ Hashtag Legend เอดิชั่นฮ่องกงได้มีโอกาสพูดคุยกับ Victor Sanz และศิลปินอย่าง Michael Murphy เกี่ยวกับการออกแบบพื้นที่และเรื่องราวเบื้องหลังของโปรเจคชิ้นเรืองธงครั้งนี้…”

พื้นที่ในย่านโอโมเตะซานโดฮิลส์เป็นหนึ่งในย่านที่ได้รับความนิยมเสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์มากหน้าที่ต่างโยกย้ายกันมาเปิดตัวบูติคของตนกันอย่างคับคลั่ง ด้วยความโดดเด่นในเชิงพื้นที่และภูมิทัศน์อันยากจะมาพื้นที่ใดเทียบ ทำให้ถนนแห่งนี้ถูกตกแต่งไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตามากมาย และแน่นอนว่าทูมิเองก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาร่วมอวดโฉมในสนามประลองแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ผ่านการตกแต่งบูติคที่โดดเด่นชวนจดจำอย่างการติดตั้งใบมีดอลูมิเนียมสีเงินที่เรียงรายกันอย่างสวยงาม สะท้อนถึงอัตลักษณ์เด่นของคอลเลคชั่นยอดนิยมประจำแบรนด์อย่าง 19 Degree ที่สะท้อนถึงสัญญะของนวัตกรรมและความเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของทูมิได้อย่างภาคภูมิ และด้วยความโดดเด่นของการออกแบบ ทำให้บูติคใหม่แห่งนี้จะถูกใช้เป็นสถานที่ในการจัดอีเวนท์เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ในปี 2025 อีกด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น Victor Sanz ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์นับแต่ปี 2016 ยังได้เผยกับเราอีกว่า การผสมผสานกันของฟังก์ชั่นและความงามของงานดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบ คือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่เขาต้องการจะทำให้สำเร็จ “ผมว่าตอนนี้เราเจอหนทางที่แฟชั่นและฟังก์ชั่นสามารถเดินทางร่วมกันได้แล้ว หนทางที่เราไม่จำเป็นเลือกอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างสองสิ่งนี้อีกต่อไป ผมเชื่อว่าความงามของการออกแบบนั้นมีความสำคัญเทียบเท่ากับเรื่องของฟังก์ชั่น เพราะถ้าดีไซน์ที่คุณรักสามารถสะท้อนตัวตนและสร้างความมั่นใจให้กับคุณได้ คุณจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอย่างไม่คาดคิด” Sanz เสริมกับเราถึงมุมมองของเขาที่มีต่อเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่น

ใบมีดอลูมิเนียมกว่า 250 ใบและเสาภายในร้านค้าที่สื่อความถึงอัตลักษณ์การออกแบบของคอลเลคชั่น 19 Degree ช่วยทำให้พื้นที่โดยรอบดูสะอาดตาและล้ำสมัยในเวลาเดียวกัน “เราต้องการให้สิ่งต่าง ๆ ดูคล่องแคล่ว เบาสบาย เราต้องการให้ผู้คนมองทะลุเข้าไปในร้านได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไปพร้อม ๆ กับให้มันดูเคลื่อนไหวเมื่อผู้คนเดินไปรอบ ๆ” Sanz กล่าวกับเราในขณะที่กำลังชูกระเป๋าเป้อลูมิเนียมรูปทรงคล้ายจรวดจากคอลเลคชั่น 19 Degree ที่เขาเองใช้อยู่ ณ ขณะนั้น “มันไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการนำองค์ประกอบเหล่านี้เข้ามายังพื้นที่ภายในด้วย เมื่อคุณเข้ามาในบูติค คุณจะเห็นว่าเสาทุกต้นมีการออกแบบที่สอดคล้องกับดีไซน์ของ 19 Degree ผมต้องการนำไอเดียเชิงศิลปะเข้ามาอยู่ภายในพื้นที่ด้วย ทำให้เราตัดสินใจร่วมงานกับศิลปินอย่าง Michael Murphy ที่มาช่วยรังสรรค์งานประติมากรรมบริเวณกลางร้าน เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับด้านสถาปัตยกรรม ความเป็นแบรนด์ และงานศิลปะไปด้วยในเวลาเดียวกัน”

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ผลงานประติมากรรมบริเวณกลางบูติคยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดใบมีดเฉกเช่นเดียวกับการออกแบบตกแต่งทั้งภายในและภายนอก ทำให้รูปร่างที่ตั้งฉากของมันเป็นจุดดึงดูดสายตาของผู้ที่อยู่ภายในได้อย่างไม่ยากเย็น “ผมได้พัฒนาวิธีการสื่อสารผ่านชิ้นงานให้กับสถานที่แห่งนี้ ประติมากรรมบริเวณตรงกลางเป็นดั่งภาษาที่ผมใช้เพื่อสื่อสารกับผู้คน รวมถึงเป็นโอกาสที่ผมจะได้รังสรรค์ประสบการณ์พิเศษที่อนุญาตให้ผู้คนได้ปฏิสัมพันธ์กับผลงานศิลปะผ่านทางความรู้สึก” Murphy กล่าวกับเราถึงที่มาและแรงบันดาลใจของกระบวนการสร้างสรรค์ของเขา

“ในบางครั้งมันเป็นแค่การทำธุรกิจโดยทั่วไป แต่เมื่อเป็นพวกเขาแล้ว มันเหมือนผมได้กลับมาหาครอบครัวอีกครั้งและได้รู้เกี่ยวกับตัวตนของพวกเขาและโปรดักส์ของพวกเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผมเหมือนกันที่ผลงานที่ปรากฏออกมาจะต้องไม่ดูเป็นเหมือนยาวอวกาศต่างดาวที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาตั้งอยู่ที่บริเวณกลางร้าน ผมต้องการให้มันเป็นชิ้นงานที่กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งรอบ ๆ ตัว ดังนั้นผมจึงได้ทำโมเดล 3 มิติขึ้นมาก่อนแล้วจึงเลือกสรรวัสดุที่มีความสวยงามและสอดคล้องกับความงามโดยรอบของพื้นที่ในภายหลัง”

ท้ายที่สุดนี้ Sanz ต้องการที่จะสื่อสารถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของการพัฒนา “ผมคิดมาเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า ในขณะที่เราเริ่มพัฒนารหัสการออกแบบของแบรนด์ แนวทางของแบรนด์และองค์กรก็ควรที่จะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ตรงกัน เราไม่สามารถพัฒนาส่วนใดส่วนหนึ่งและหลงลืมอีกส่วนได้ ซึ่งในโปรเจคนี้ เราทุกคนเข้าใจตรงกันว่าบูติคใหม่แห่งนี้จะเป็นปรากฏการณ์สำคัญครั้งใหญ่ของแบรนด์ ที่ซึ่งเป็นเสมือนการเปิดประตูให้กับไปได้ไกลเกินกว่าแค่เพียงร้านค้าทั่วไป  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ เราไม่อยากให้ทูมิเป็นเพียงแบรนด์ที่โดดเด่นแค่เรื่องของประโยชน์ใช้สอยและความทนทาน พวกเรากำลังผลักดันแบรนด์ให้ก้าวไปได้ไกลกว่านั้นในทุกช่วงขณะ เราอยากให้ทูมิเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าทุกคนได้รับความประทับใจสูงสุดในเชิงของประสบการณ์ เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามายังบูติคของแบรนด์ เราอยากให้พวกเขารับรู้ถึงความพิถีพิถันของรายละเอียดในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าหรือความใส่ใจในเรื่องของการบริการ พวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความเป็นทูมิจากตรงนั้น”

รูปภาพจาก: Tumi

อ่านบทความเพิ่มเติม: Fendi Men collaborated with Kengo Kuma to unveil its exclusive accessories collection

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search