Logo Hashtag Legend

Omega เฉลิมฉลองให้กับความยิ่งใหญ่ของโอลิมปิกผ่าน Omega Paris 2024 Bronze Gold Edition

Author: Kantinan Srisan | Photographer: Courtesy of Omega

Jul 25, 2024

“…สืบเนื่องจากการเป็นพาร์ทเนอร์มาอย่างยาวนานนับแต่ปี 1932 จวบจนปัจจุบันของโอเมก้า (Omega) ล่าสุดนี้แบรนด์เรือนเวลาแห่งนี้ได้สืบสานตำนานต่ออีกครั้ง ผ่านการเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของ Paris 2024 พร้อมเผยเครื่องบอกเวลารุ่นพิเศษที่รังสรรค์อย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้อีกด้วย…”

หลายคนอาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้ว แบรนด์เรือนเวลาแห่งนี้ได้ถูกรับเลือกเป็น ‘ผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ’ ของมหกรรมโอลิมปิกตั้งแต่ 1932 รวมไปถึงกีฬาพาราลิมปิกนับแต่ปี 1002 ที่ต่อเนื่องผ่านการเวลามาจนถึงปัจจุบันที่นับเป็นการทำหน้าที่ครั้งที่ 31 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ต่อยอดมาสู่การถือกำเนิดขึ้นของเรือยเวลารุ่นพิเศษอย่าง OMEGA Paris 2024 Bronze Gold Edition ในครั้งนี้

ในส่วนของการดีไซน์ของโมเดลพิเศษนี้ ต้องบอกว่าทางโอเมก้าได้นำมาแรงบันดาลใจจากเรือนเวลาสุดคลาสสิคของแบรนด์จากปี 1939 มาใช้เป็นไอเดียตั้งต้นได้อย่างชาญฉลาด ที่ไม่เพียงจะเป็นการแสดงความเคารพต่อจุดแรกเริ่มในการบอกเวลาของแบรนด์ แต่ยังคงสร้างเอกลักษณ์เด่นให้กับเรือนเวลานี้ได้อย่างไม่ต้องพยายาม และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมหกรรมโอลิมปิกในครั้งนี้ ลวดลาย ‘Clous de Paris’ ณ ใจกลางหน้าปัดที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศส สัญลักษณ์สำคัญที่ส่งสารถึงความประณีตและความสง่างามโดยแท้จริง นอกจากนี้ ด้วยความไม่ประนีประนอมต่อความสมบูรณ์แบบในรายละเอียด 

ลวดลายวงกลมขัดด้านบนรางนาทีและวินาทีบนหน้าปัดย่อย ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ในขณะที่ตราสัญลักษณ์ OMEGA สีเทาเข้มถูกตีความออกมาในรูปแบบที่มีความย้อนยุค นอกจากนี้รหัสลับ ‘BG 859’ และลวดลายของเหรียญประทับตราโอลิมปิก Paris 2024 ได้ถูกสลักลง ณ บริเวณฝาหลังของเรือนเวลาที่รังสรรค์ขึ้นจากวัสดุบรอนซ์โกลด์ที่เป็นอัลลอยเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ที่มากด้วยคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนโดยปราศจากสนิมเขียว (verdigris- oxidation) อันเป็นผลพวงจากโลหะล้ำค่าอย่างทอง 37.5% ที่ผลิตขึ้นตามมาตรฐานระดับ 9K เช่นเดียวกับพัลลาเดียมและเงิน

โดยเรือนเวลาสุดพิเศษสำหรับมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ถูกนำเสนอผ่านชื่อของ OMEGA Paris 2024 Bronze Gold Edition ที่ได้ผสานเอาวัสดุระดับตำนานทั้งสามประเภทเอาไว้ด้วยกัน ผ่านตัวเรือนขนาด 39 มม. ที่หยิบเอาวัสดุที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์อย่างบรอนซ์โกลด์มาใช้ในการออกแบบ ในขณะที่เงิน Ag 925 ได้ถูกนำมาใช้ ณ บริเวณหน้าปัดเงาประกาย พร้อมชุดเข็มที่ออกแบบมาให้มีความเบาบางผ่านทอง Sedna™ 18K ที่ผ่านกรรมวิธีการเคลือบ PVD แบบพิเศษด้วยบรอนซ์โกลด์ ที่ปิดท้ายความวิจิตรด้วยสายหนังลูกวัวสีน้ำตาลและหัวสายแบบหัวเข็มขัดบรอนซ์โกลด์ยิงทรายประดับตรา OMEGA แบบวินเทจยกนูนขัดเงา ตราสัญลักษณ์เดียวกันที่ปรากฏอยู่บนเม็ดมะยมของเรือนเวลาพิเศษโมเดลนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ความสวยงามเพียงอย่างเดียวไม่อาจนำพาให้โอเมก้าขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของมหกรรมโอลิมปิดได้อย่างยาวนานขนาดนี้ หากขาดไปซึ่งความ ‘ไร้ที่ติ’ ในเรื่องฟังก์ชั่นการตรวจจับและบอกเวลาที่แม่นยำอย่างสูงที่สุด เรือนเวลารุ่นนี้ได้ถูกติดตั้งให้ขับเคลื่อนด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8926 กลไกไขลานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ผ่านแรงบันดาลใจของกลไก 30T2 ที่เคยถูกใช้งานเมื่อครั้งในอดีต นอกจากนี้ยังมีบัตรรับรองเพื่อแสดงต่อเจ้าของเรือนเวลาว่านาฬิกาของตนได้ผ่านการทดสอบระดับ Master Chronometer ตามที่ METAS (สถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธรัฐสวิส) กำหนดไว้โดยถูกบรรจุอยู่ในกล่องแบบพิเศษของนาฬิการุ่นนี้อีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติม: Omega เผยแคมเปญ Precision ถ่ายทอดความยอดเยี่ยมของกรรมวิธีรังสรรค์เรือนเวลา

RECOMMENDED READS