“…พลังดนตรีและเสน่ห์แห่งความเป็นไทยได้ถูกนำกลับมาสร้างสรรค์และตีความใหม่อย่างร่วมสมัย ผ่านเสียงเพลงของ “SuperThai” วงดนตรีรุ่นใหม่ที่รวมตัวของ 4 สมาชิกมากความสามารถ ได้แก่ เพลงไท นิยมไทย, พีนัท พีรณัฐ วีระนิพิฐกุล, ธาดาลี ธาดา โลหะศิริกุล และนินจา อภิสิทธิ์ อุส่าห์ดี กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เชื่อมั่นในพลังของรากเหง้าและอัตลักษณ์ไทย พร้อมถ่ายทอดผ่านจังหวะดนตรีและแนวคิดที่สดใหม่ ทว่ายังคงแฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยไว้อย่างกลมกล่อม…”
ในบทสัมภาษณ์พิเศษนี้ #Legend_th จะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวตน แนวคิด แรงบันดาลใจ และเส้นทางที่มาบรรจบกันของทั้งสี่คน จนกลายเป็น SuperThai วงดนตรีที่พร้อมส่งต่อความภาคภูมิใจในความเป็นไทยให้โลกรับฟัง

อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยถึงจุดเริ่มต้นการเดินทางของ SuperThai?
ธาดาลี: ต้องบอกว่าพวกเราโชคดีแล้วกันครับ เพราะจริงๆ แล้ว พวกเราเคยเจอกันมาก่อนแล้วในรายการแข่งขัน หลังจากนั้นพอแข่งไปเรื่อยๆ ความสนิทสนมกันก็มากขึ้นครับ แล้วก็มีโอกาสได้คุยกันบ่อย แล้วก็เหมือนแบบความฝันเรามันก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อยากจะทำงานเป็นศิลปิน อยากเป็นนักร้อง อยากอยู่ในวงการ T-Pop ซึ่งพอจบรายการได้ไม่นานนัก เราก็มาฟอร์มตัวด้วยกัน ซึ่งจริงๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นแบบเสื่อผืนหมอนใบเหมือนกันนะ แล้วก็ตั้งใจซ้อมกันเอง ไปเช่าห้องซ้อมกันเอง และอีกมากมาย จนมีโอกาสได้พี่ๆ ทีมงานเข้ามาดูแลแล้วช่วยทำให้เราเติบโตขึ้นถึงทุกวันนี้ครับ

อะไรคือสิ่งที่ทำให้แต่ละคนรู้สึกว่าวงนี้คือทีมที่ใช่ และอยากจะสร้างสรรค์ผลงานไปด้วยกัน
เพลงไท: ก็อย่างของผมเนี่ย คือจริงๆ แล้วมันต่อจากเรื่องของธาดาลี ก็คือตอนก่อนที่เข้ารายการน่ะครับ ผมเองมีความคิดว่าอาจจะละเลิกความพยายามหรือความฝันนี้ไปแล้ว แต่ว่าการที่ได้มาเจอทุกคนตรงนี้มันเหมือนเป็นการจุดไฟให้ตัวผมอีกครั้งหนึ่ง ผมเองก็ไม่แน่ใจนะว่ามันคืออะไร แต่เรารู้สึกว่าอยากจะก้าวไปด้วยกัน เติบโตไปด้วยกันกับพวกเขา มันให้ความรู้สึกของครอบครัวจริงๆ ซึ่งมันคือก้าวแรกที่สำคัญมากสำหรับผม ใช้คำนี้แล้วกัน
พีนัท: ในมุมผมเองก็ไม่ได้แตกต่างจากเพลงไทมากครับ เพราะว่าตอนที่เรา 4 คนคุยกันเนี่ย หรือว่าไปรายการต่างๆ เราจะพูดแบบนี้ตลอด เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และตัวเราเองก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ เราเจอกันแค่ไม่ถึงอาทิตย์เลยนะครับ แต่เราสนิทกัน เราแชร์ทุกเรื่องแก่กันและกัน เหมือนรู้จักกันมาแรมปี มันให้ความรู้สึกสบายใจครับ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากและเป็นธรรมชาติมากจริงๆ
นินจา: ผมคิดว่า SuperThai ไม่ใช่แค่พวกเรา 4 คน แต่มันคือความตั้งใจของใครหลายคนที่อยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นครับ เพราะว่าในรายการพวกเราเองก็เป็นเด็กไทยที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคหลายอย่าง คราวนี้เนี่ย การที่ SuperThai เกิดขึ้นได้เพราะว่า เราคือกลุ่มคนที่มีความฝัน มีเป้าหมาย มี passion เดียวกัน ทำให้สำหรับผมแล้ว มันคือจังหวะที่สำคัญมากๆ ที่เราพร้อมจะทุ่มเทและทำมันให้ดีอย่างเต็มที่
ธาดาลี: ของผมก็เป็นเรื่องของความจริงใจแล้วกัน จริงใจที่ว่าเราเจอกันในรายการแข่งขัน แต่พอมาอยู่ด้วยกัน เราไม่มีความรู้สึกอยากจะแก่งแย่งอะไรกันเลย เราจะมีการแบบแบ่งพาร์ทต่างๆ และทุกคนล้วนรู้หน้าที่ของตัวเองว่าเหมาะกับอะไร และทุกคนก็มองภาพรวมในทิศทางเดียวกัน แล้วซัทพอร์ทกันและกันจริงๆ เหมือนว่าใครทำอะไรได้ดี เราก็พร้อมจะสนับสนุนให้เขาทำสิ่งนั้นได้ดี โดยที่ไม่รู้สึกว่าคนนี้จะเด่นกว่าหรือว่าอะไรอะไรเลย ซึ่งผมรู้สึกว่าสิ่งนี้คือความสวยงามครับ

แล้วแต่ละคนมีบทบาทหรือตำแหน่งเฉพาะในวงอย่างไรกันบ้าง
พีนัท: เอาจริงจริงแล้วก็ล่าสุดนี้ เราเพิ่งมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนและมีการเลือกลีดเดอร์อย่างเป็นทางการแล้วด้วย นั่นก็คือพี่เพลงไท อีกเรื่องคือเราไม่ได้มีการจำกัดตำแหน่งหรืออะไรกับสมาชิกในวงครับ แต่เป็นว่าใครที่ถนัดเรื่องอะไรมากกว่า เราก็จะให้คนนั้นมาช่วยเหลือเพื่อนๆ แต่ละคนด้วย อะไรทำนองนี้ครับเช่น น้องนินจาก็ชอบร้องเพลงและถนัดร้องเพลงที่สุดในกลุ่ม ก็จะช่วยเหลือทุกคนด้านการร้องเพลง หรือพี่ธาดาลีก็จะถนัดเรื่องเต้นและแร๊ปอะไรอย่างนี้ครับ ผมก็เน้นไปในทางเรื่องของการกรูมมิ่งมากกว่าใคร ส่วนพี่เพลงไทก็คือทำได้หมด ก็ช่วยดูแลน้องๆ ในวงครับ

มีจังหวะไหนมั้ยที่ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งกับเพื่อนในวงมากเป็นพิเศษ
พีนัท: สำหรับผมนะครับ ผมรู้สึกว่ามันคือทุกโมเมนท์เลยตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเจอกันในรายการ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วมันจะมีจุดหนึ่งที่ทำให้เราจดจำในทุกๆ การกระทำของพวกเรา เพราะว่าต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่าพวกเราใช้ชีวิตด้วยกันแบบจริงจริง พวกเรานอนห้องเดียวกัน กินข้าวพร้อมกัน ไปไหนรอกัน ทำอะไรทำด้วยกันตลอด มันทำให้ทุกการกระทำมันน่าจดจำครับ ซึ่งก็น่าจะเหมือนกับที่ทุกคนคิด ผมมองว่าทุกคนเป็นครอบครัว
เพลงไท: ผมว่าทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันนะครับ จริงๆ มันเยอะมาก เพราะอย่างที่บอกว่าเราอยู่ด้วยกันแทบจะตลอด ทำให้เวลาต้องเลือกก็ไม่รู้ว่าจะหยิบอันไหนมาเล่าดี เพราะพวกเราก็ประทับใจในทุกโมเมนท์
พีนัท: เชื่อมั้ยครับ การที่เราหยุดงานหรือไม่ได้เจอกัน 2วัน ก็จะมีคนหนึ่งทักมาแล้วว่า “คิดถึง เมื่อไหร่จะได้เจอกัน ทำไม 2 วันมันดูนานจัง” อะไรแบบนั้น เหมือนว่าห่างกันไม่ได้เลยครับ
แรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน
เพลงไท: ต้องบอกก่อนว่าอย่างแรกเลยคือ SuperThai เรามีการใช้คำว่าไทยเข้าไปในชื่อวงของพวกเรา ซึ่งเป็นข้อตกลงที่พวกเราคุยกันตั้งแต่วันแรกเลยว่าเราอยากจะนำเสนอความเป็นไทย เพราะฉะนั้นวงของเราเนี่ยเราจะพยายามใส่กิมมิคที่เกี่ยวกับความเป็นไทยเข้าไป พยายามจะใส่ให้ได้มากที่สุดแต่ขณะเดียวกันก็จะไม่ยัดเยียดจนเกินไป เราจะพยายามผสมผสานศิลปะของไทยแล้วก็ต่างประเทศเข้าด้วยกัน เพื่อผลักดันให้ความเป็นไทยออกไปสู่สายตาคนทั้งโลกให้ได้ นั่นคือจุดมุ่งหมายแรกของพวกเรา

ในยุคที่กระแส T-Pop งั้นกำลังเติบโตอย่างมาก แต่ละคนมองว่าอะไรคือโอกาสและความท้าทายของกระแสที่กำลังเกิดขึ้นบ้าง
นินจา: ผมมองว่า ถ้ามันง่ายมันจะไม่สนุก SuperThai เติบโตในบรรยากาศที่กดดันอยู่แล้วครับ เราเติบโตภายใต้บรรยากาศแวดล้อมแบบนี้เสมอ ซึ่งพวกผมเชื่อว่าเราจะสร้างความแตกต่างให้วงการ T-Pop ได้ในอนาคตต่อไป แล้วพวกผมก็จะผลักดันมันให้ไปไกลสู่ระดับโลกให้มากกว่านี้ครับ
พีนัท: ผมรู้สึกว่าเรื่องของโอกาสเนี่ย มันรอกันไม่ได้บางทีเราต้องก็ต้องคว้ามา และหากพูดกันตรงๆ คือ เราไม่มีทางรู้ว่าโอกาสเข้าหาเราหรือเราเข้าหาโอกาสมากกว่า แต่ว่าผมเองก็อยากทำให้ทุกคนได้เห็นครับว่าทุกๆ โอกาสที่เราได้รับเนี่ย มันมาพร้อมความพยายามและความตั้งใจของเราจริงๆ
เพลงไท: อย่างที่บอกว่าวงการ T-Pop กำลังมาแรงใช่มั้ยครับ ผมก็เห็นว่าในทุกๆ เดือนในทุกๆ วันเนี่ย จะมีน้องใหม่ในวงการออกผลงานมาแทบทุกเดือนเลย ซึ่งผมรู้สึกว่าบางมุมอาจเป็นเรื่องของความท้าทายเพราะว่าจำนวนคู่แข่งที่เยอะขึ้น แต่ในมุมมองหนึ่ง สิ่งนี้คือปัจจัยที่ช่วยเร่งและผลักดันให้วงการ T-Pop มันไปได้ไกลและมีผลงานมากขึ้น รวมไปถึงมีโอกาสที่จะทำให้คนทั่วโลกได้เห็นมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ธาดาลี: สำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันมีความกดดันอยู่ คือเนื่องจากว่ามันกำลังบูมมาแรงมาก เท่ากับว่าจำนวนศิลปินหรือผู้ที่ปล่อยผลงานก็จะเยอะเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ทำให้การที่เราจะไต่ขึ้นไปให้ถึงยอดเลยเนี่ย ค่อนข้างมีความท้าทาย เพราะในตลาดมีหลากหลายผลงานให้ผู้บริโภคได้เลือกรับชม แต่ขณะเดียวกันคือยิ่งผลงานมีเยอะเท่าไหร่ โอกาสหรือเปอร์เซนต์ที่คนทั้งโลกจะได้เห็นสิ่งนี้ก็มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งผมคิดว่าการที่มีหลายมือน่าจะส่งผลดีมากกว่าการมีแค่มือเดียว ซึ่งในภาพใหญ่มันก็เปรียบเสมือนฟันเฟืองที่ช่วยกันผลักดันให้วงการ T-Pop ไปสู่สากลได้อย่างแข็งแรงมากกว่า
เมื่อเสียงดนตรีคือภาษาที่เชื่อมโยงหัวใจของผู้คน SuperThai จึงไม่เพียงเป็นวงดนตรีที่นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยในมุมมองใหม่เท่านั้น หากยังเป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่กล้า และพร้อมจะลับคมฝีมืออย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสานต่อความฝันในการผลักดันวงการ T-pop ให้ก้าวสู่เวทีสากลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในวันหนึ่งข้างหน้า



