“…‘เขมจิราต้องรอด’ ซีรีส์บอยเลิฟจากค่าย DOMUNDI และ Mandee Work ที่มีเนื้อหาสนุกเข้มข้น ทลายกรอบคนดูให้ขยายออกไปในวงกว้างจนกลายเป็นซีรีส์สำหรับมหาชน หนึ่งองค์ประกอบที่สร้างให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากคือนักแสดงที่แสดงได้อย่างสมบทบาท #legend_th ได้มีโอกาสพูดคุยกับ เติ้ล-มติมันท์ ศรีบุญเรือง และ เฟิร์สวัน-วรรณกร เรืองรัตน์ สองนักแสดงในเรื่องนี้ ถึงบทบาทการแสดงครั้งแรกของพวกเขา และความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปในฐานะของพาร์ตเนอร์ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน…”
ก่อนจะมาร่วมงานในเรื่องนี้ ทั้งคู่ได้เคยร่วมงานกันมาแล้วในรายการ DMD Friendship the Reality แม้ว่าจะไม่ได้เลือกเป็นพาร์ตเนอร์กันในรายการ แต่เคมีของทั้งคู่ก็ทำให้ได้มาร่วมงานกันในบท ‘เจตนา’ และ’ชาญวิทย์’ ในซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’
เฟิร์สวัน: “เราเจอกันครั้งแรกคือก่อนรายการ DMD Friendship ตอนนั้นยังไม่ได้มีโอกาสได้คุยกันเท่าไหร่ครับ ได้มาคุยกันจริงๆก็คือจากรายการ DMD Friendship พี่เติ้ลจะเข้ามาตอนกลางๆ รายการ ประมาณตอนที่สามแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มได้คุยกัน เหมือนตอนนั้นยังไม่ได้เลือกที่จะทำงานคู่กันแต่ว่ามาเลือกหลังจากที่จบรายการไปแล้วครับผม ก็ได้เป็นพาร์ตเนอร์กันอย่างเป็นทางการ…ก่อนหน้านี้เราทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้วพอมาทำงานด้วยกันในกองถ่าย ‘เขมจิราต้องรอด’ก็รู้สึกว่าการทำงานด้วย กันไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ”
เติ้ล: “พอเราเป็นพาร์ตเนอร์กันแล้วก็มีโพรเจกต์เรื่อง ‘เขมจิราต้องรอด’ พี่ออปชันที่เป็นเจ้าของค่าย ก็ให้เราสองคนไปแคสบท ‘ชาญวิทย์’ กับ ‘เจตนา’ พอแคสปุ๊บเขาก็มองว่าบทมันเข้ากับเราสองคน ถึงได้มาเล่นด้วยกันครับ…เราทำงานด้วยกันมาอยู่แล้วก่อนจะมีซีรีส์เรื่องนี้ครับ แต่ว่าพาร์ทที่ยากจะเป็นการแสดงมากกว่า ‘เขมจิราต้องรอด’ เป็นซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ด้วยครับ พอต้องมาเจอกับบทที่มันค่อนข้างยาก โปรดักชั่นที่ใหญ่ทุกอย่าง มันอลังการไปหมด เราเป็นน้องใหม่ที่เข้ามาจะโดนรุ่นพี่รับน้องบ้าง ก็เลยมีความยากตรงนั้น แต่พอผ่านไปสักสิบคิว การทำงานก็เริ่มโฟลว์ขึ้นครับ”
ในชีรีส์เรื่องนี้ทั้งคู่ต้องเจอกับเรื่องราวที่หลากหลาย มีความท้าทายมากมายสำหรับพวกเขาที่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ พวกเขายังคงจดจำซีนที่ประทับใจซึ่งต้องอาศัยความทุ่มเทในการแสดงได้อย่างขึ้นใจ
เติ้ล: “ผมชอบฉากกระโดดสะพาน เพราะมันเป็นฉากที่ emotional กับเรามากเหมือนตัวของชาญวิทย์กำลังจะเสียเจตนาไป แล้วตอนนั้นเราร้องไห้ตั้งแต่เทคแรกเลยเพราะว่าเหมือนทุกอย่างมันส่งไปหมด นักแสดงในซีนนั้น ค่อนข้างเยอะ พอเข้าฉากจริงๆแล้วมันเหมือนทุกคนรับส่งอารมณ์กันได้หมด ตัวละครของเราก็ไม่อยากให้เจตนาจากไป พอเล่นไปแล้วเหมือนเราเป็นตัวละคร นั้นจริงรู้สึกกับมันจริง เราชอบซีนนี้มากบวกกับมันมีเพลงคู่ที่เราร้องด้วยกันมาประกอบด้วย มันเลยทำให้สิ่งนี้ยิ่ง impact กับเราครับ”
เฟิร์สวัน: “ของผมจะเป็นซีนในน้ำ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยากสำหรับผมมาก ตอนแรกผมก็คิดว่าจะทำได้จริงมั้ย ด้วยความที่ผมว่ายน้ำไม่เป็นเลย แล้วต้องมาเล่นซีนใต้น้ำ ผมคิดภาพไม่ออกว่าผมจะเล่นออกมาแล้วมันจะเป็นยังไง แต่พอเห็นภาพในฉากนั้นมันออกมาก็รู้สึกว่าเราภูมิใจในตัวเองในตัวพี่เติ้ลมากครับ”
ตัวละครที่ทั้งคู่สวมบทบาทในเรื่องนี้ พวกเขามองว่ามีทั้งความเหมือนและความแตกต่างจากตัวตนของพวกเขาในชีวิตจริง
เฟิร์สวัน: “บุคลิกภาพรวมมันอาจจะคล้ายกันแต่ว่ามันจะมีทางด้านความคิดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น เจตนาเป็นคนเข้าหาชาญวิทย์ด้วยความที่ตัวชาญวิทย์เป็นคนนิ่งๆ มันเห็นแล้วรำคาญก็เลยต้องเข้าหานิดหนึ่งแต่ในชีวิตจริงผมจะไม่ใช่แบบนั้น พี่เติ้ลจะเป็นคนชวนผมคุยมากกว่า”
เติ้ล: “ผมรู้สึกว่าเฟิร์สวันเขามีความเบลนด์เข้ากับเจตนา แต่ก็มีทั้งมุมที่ต่างและก็มีความเหมือนกันอยู่ในตัวละครนั้นเลย สำหรับตัวผมกับบทชาญวิทย์ ชาญวิทย์จะมีความอินโทรเวิร์ตสูงมากในชีวิตประจำวันถ้าว่างก็คงอ่านหนังสือ ถ้าเป็นเราก็คงแบบนอนดูซีรีส์ ไม่ก็เล่นเกมหรือฟังเพลง เราก็จะไม่ได้มีความอินโทรเวิร์ตขนาดนั้น บางทีเราก็จะชอบออกไปเจอเพื่อนฝูงบ้าง แต่ชาญวิทย์เองก็คงอยู่แต่ในห้องอ่านหนังสือครับ”
บทละครเรื่องแรกที่พวกเขาได้รับออกไปในแนวดราม่าสยองขวัญ หากมีโอกาสร่วมงานแสดงด้วยกันในครั้งถัดไปพวกเขาอยากลองเล่นบทบาทที่ไม่ต้องดราม่าจนเกินไป
เฟิร์สวัน: “คอเมดีมั้ย แบบว่าไปทางตลกเลย เวลาแบบเล่นมุกอะไรกับพี่เติ้ลเรารับส่งได้ดีก็รู้สึกว่าเข้ากัน ผมอยากลองดู”
เติ้ล: “จริงๆ คอเมดีก็น่าสนใจ ผมเป็นคนชอบโรแมนติกคอเมดี เราเป็นคนชอบดูซีรีส์ที่ไม่ได้ซีเรียสมาก ไม่ดราม่ามาก เพราะบางทีดูดราม่าเกินไปแล้ว มันรู้สึกแอบเครียด แต่พอมันเป็นรอมคอมเรารู้สึกว่ามันดูเพลินแบบ 12 อีพี 16 อีพี เราสามารถดูจนจบได้โดยที่แบบไม่เครียด”
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสารฉบับเดือนพฤศจิกายนนี้
