Louis Vuitton SS26
October 4, 2025

ปารีสยามบ่ายอบอวลด้วยความเงียบสงบที่ไม่ค่อยพบในฤดูแฟชั่นวีก เสียงรถยนต์จาก Rue de Rivoli เบาลงทันทีที่ประตูพิพิธภัณฑ์ Louvre ปิดลง เหลือไว้เพียงเสียงฝีเท้าของแขกไม่กี่ร้อยคนที่กำลังเดินเข้าสู่ห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักฤดูร้อนของ Anne d’Autriche พระมเหสีของ Louis XIII และพระมารดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ห้องแห่งนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่จนเหมือนหยุดเวลาไว้ในศตวรรษที่ 17 เพดานเฟรสโกเล่าเรื่องราวเทวตำนาน แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างโค้งสูง เสาหินอ่อนและผนังไม้ที่สะท้อนเงาคนดูในจังหวะอ่อนโยน ก่อนที่เสียงของ Cate Blanchett จะดังขึ้นอย่างเย้ายวน “Home is where I want to be, but I guess I’m already there.” เป็นประโยคเปิดจาก This Must Be the Place เพลงของ Talking Heads วงร็อกอเมริกันชื่อดัง ซึ่ง Ghesquière เลือกให้เธออ่านในแบบที่ไม่ต้องร้องแต่กลับก้องในใจ เขาเรียกมันว่า “บทกวีของการกลับบ้าน” และนี่คือแก่นของคอลเล็กชั่นฤดูร้อนปี 2026  In Praise of Intimacy มานิต มณีพันธกุล @kaimanit รายงาน

“ผมอยากพูดถึงความสุขแบบเรียบง่าย การอยู่กับตัวเอง ในเสื้อผ้าที่ไม่ได้สร้างไว้เพื่อแสดงออกให้คนอื่นเห็น แต่เพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้นเมื่ออยู่คนเดียว” Ghesquière เล่าให้สื่อฟังหลังเวที และนี่คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของโชว์ครั้งนี้ เพราะสำหรับดีไซเนอร์ที่สร้างชื่อจากสถาปัตยกรรมบนเรือนร่างและความ futuristic มาหลายฤดูกาล การเลือกพูดเรื่อง “การอยู่บ้าน” ถือเป็นการกลับด้านความคิดอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เป็นการกลับด้านที่ลึกและซื่อตรงต่อยุคสมัย โลกหลังโควิดอาจจะไม่ต้องการชุดที่พาเราไปไหนไกลอีกต่อไป แต่อยากมีสิ่งที่ทำให้ “อยู่กับตัวเอง” ได้อย่างสง่างาม

Louis Vuitton SS26

Ghesquière เคยใช้ Louvre เป็นฉากหลายครั้ง ทั้งจาก Pavillon d’Horloge ในปี 2018 ที่เขานำเสื้อโค้ตศตวรรษที่ 18 มาจับคู่กับสนีกเกอร์ ไปจนถึง Passage Richelieu ในปี 2022 ที่เต็มไปด้วยแชนเดอเลียร์เก่าและเดรสพองฟูราวกับจักรพรรดินี Eugénie แต่คราวนี้เขาพาแขกขึ้นไปยังอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวบนสุดของพระราชวัง ห้องที่ Anne d’Autriche เคยใช้หลบจากฤดูร้อนอันร้อนแรงของปารีส กลายเป็นสถานที่ที่ดีไซเนอร์ใช้บอกเล่าเรื่องราวของ “การหลบเข้าไปในโลกส่วนตัวของแฟชั่น”

Marie-Anne Derville เป็นผู้ออกแบบฉาก จัดแต่งพื้นที่ให้เป็นเหมือนห้องที่อยู่ระหว่างอดีตและปัจจุบัน เธอวางโต๊ะไม้แกะสลักข้างโซฟา Art Deco ของ Michel Dufet และแทรกเครื่องปั้นดินเผาของ Pierre-Adrien Dalpayrat ไว้ข้างแจกันหินอ่อนที่เหมือนยืมมาจากภาพวาดของ Georges de La Tour ทั้งหมดสร้างบรรยากาศของ “บ้านในฝัน” ที่เราจะไม่มีวันมีได้จริง แต่ใฝ่ฝันอยากอยู่ในนั้น “บ้านคือสถานที่ที่คุณได้ยินเสียงของตัวเองชัดที่สุด” ดีไซเนอร์ผู้บัดนี้กลายเป็นรุ่นใหญ่ของปารีสแฟชั่น กล่าว “และผมอยากให้เสื้อผ้าเหล่านี้พูดด้วยเสียงนั้น”

Louis Vuitton SS26

ในโลกของ Louis Vuitton ฤดูกาลนี้ “บ้าน” จึงไม่ใช่ที่อยู่อาศัย แต่คืออาณาเขตทางอารมณ์ เสื้อผ้าทุกชิ้นออกแบบมาให้สัมผัสได้ทั้งทางสายตาและทางผิวสัมผัสด้วจผ้าไหม organza บางเบาและ lace ที่เปราะราวกับฝันถูกนำมาเย็บแบบเปิดซับในเพื่อโชว์ความจริงของโครงสร้างภายใน เหมือนกำลังบอกเราว่า “ความใกล้ชิดไม่จำเป็นต้องปิดบัง” ขณะเดียวกันก็มีเสื้อคลุมแคชเมียร์ตัดทรง bathrobe, กางเกงผ้าไหมขากว้างที่พลิ้วเหมือนผ้าม่าน และชุดนอนแบบ peignoir ที่ละเอียดประณีตถึงขั้น haute couture

และแน่นอนว่า มีบางชิ้นที่ดูเหมือนมาจากห้องนั่งเล่นของหญิงสาวชวนฝันด้วยดีเทลอย่าง tapestry prints, couch cover motifs, wooden-seamed shorts, หรือแม้แต่ brocade socks ใส่กับรองเท้าแตะ ประหนึ่งว่าความหรูหราได้เดินลงมาจากรันเวย์มาอวดโฉมและนั่งบนโซฟากับเรา สิ่งที่ Ghesquière ทำไม่ใช่การย้อนยุค แต่คือการจับ “ประวัติศาสตร์ของสิ่งของ” มาสวมใส่บนร่างกาย “เสื้อผ้าบางชิ้นอาจดูไร้เหตุผล เหมือนบ้านที่เต็มไปด้วยของสะสม แต่ผมว่ามันคือความจริงของชีวิต เราไม่ได้อยู่ในโลกที่สมบูรณ์แบบ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม ความไม่สมบูรณ์นั้นกลับกลายเป็นเสน่ห์หลักของคอลเล็กชั่น เพราะทุกชุดเหมือนร้อยเรียงจากเศษความทรงจำ เหมือนห้องของใครบางคนที่ยังไม่เก็บของหลังปาร์ตี้เมื่อคืน หรือเหมือน “จิตใจ” ของเจ้าของบ้านที่ซับซ้อนแต่ยังอบอุ่น

Louis Vuitton SS26

ในบรรดาชิ้นไฮไลต์ มี long belted vest สีชมพูอ่อนที่ดูเหมือนขนสัตว์แต่แท้จริงทำจากไหมปัดขนละเอียดอย่างน่าอัศจรรย์ และ fringe top-and-pants set ที่ปักลูกปัดไล่เฉดสีจนกลายเป็นวิวทิวทัศน์คล้ายภาพ Impressionist หากมองใกล้ ๆ ทุกชิ้นคือบทเรียนทางช่างฝีมือระดับสูงของ Vuitton ที่ซ่อนความแม่นยำที่แฝงไว้ใต้ความละมุน

ด้วยซาวด์แทร็กของ Tanguy Destable ที่เรียบเรียงใหม่จากเพลง Talking Heads เสียง Blanchett กลับมาอีกครั้งในท่อนสุดท้าย “Never for money, always for love.” เป็นเหมือนคำตอบสุดท้ายของ Ghesquière ต่อโลกแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อ เพราะในที่สุดแล้ว สิ่งที่เขากำลังพูดถึงไม่ใช่ “ความหรูหรา” แต่คือ “ความรัก” ที่เรามีต่อสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้ชีวิตรู้สึกเหมือนบ้าน

Louis Vuitton SS26

แต่แน่นอน ความย้อนแย้งก็ไม่เคยหนีไปไหน การเฉลิมฉลอง “ศิลปะแห่งการอยู่บ้าน” ภายในพระราชวังที่ Anne d’Autriche เคยครอง ย่อมมีความเฉียบแหลมในตัวมันเอง มันคือการปะทะระหว่างความจริงกับจินตนาการ ระหว่างชีวิตของเหล่า plutocrats แห่งศตวรรษที่ 17 กับ quasi-trillionaires แห่งศตวรรษที่ 21 ที่อาจกำลังนั่งดูโชว์อยู่บนเรือยอชท์ของตัวเองในอีกฟากแม่น้ำแซน

ในแง่ของกลยุทธ์ นี่คือ masterstroke ของ PR และ clienteling ระดับ LVMH การเชิญแขกเข้าชมโชว์ในวันที่ Louvre ปิดถือเป็นสุดยอดประสบการณ์สำหรับ Ultra VIP ซึ่งไม่ต่างจากการซื้อเวลาชมห้องส่วนตัวในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส และเมื่อผสานเข้ากับเสียงของ Blanchett และบรรยากาศ “บ้านในฝัน” ผลลัพธ์คือการสร้างมูลค่า Earned Media มหาศาล ทั้งภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการเงิน Vuitton สร้าง “ความใกล้ชิด” ที่กลายเป็น “พลังการเล่าเรื่องระดับโลก” ได้อย่างเหนือชั้น

Ghesquière ไม่เพียงแต่นำเสนอแฟชั่น แต่ยังเสนอคำตอบให้กับคำถามใหญ่ของวงการ ในวันที่ luxury ทุกแบรนด์กำลังแข่งกันเสียงดัง ใครจะกล้า “พูดเบา ๆ” แล้วให้คนทั้งโลกฟัง คอลเล็กชั่นนี้คือคำตอบนั้น ด้วยความสงบ ละเอียด และเต็มไปด้วยชั้นเชิง “ผมไม่อยากให้ผู้คนมอง Louis Vuitton เป็นเพียงแบรนด์ของการเดินทาง แต่ให้มองว่าเป็นบ้านอีกหลังที่เรากลับมาหาได้เสมอ” และนั่นอาจเป็นประโยคที่สรุปทุกอย่างของโชว์นี้ได้ดีที่สุด ว่าในที่สุด Louis Vuitton ได้เดินทางมาถึง “บ้าน” ของมันเองแล้ว 

Louis Vuitton SS26

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search