Logo Hashtag Legend

Iris Van Herpen ยกระดับโชว์คอลเลกชั่นโอต์ กูตูร์ประจำฤดูใบไม้ร่วง ปี 2024 ให้กลายเป็นนิทรรศการจัดแสดงงานศิลปะ

Author: Tanatcha Devahastin | Photographer: Courtesy of Iris Van Herpen

Jul 01, 2024

“…ฉันทำงานมาเป็นเวลานานเพื่อขยายขอบเขตความรู้ของผู้คน ว่าแฟชั่นและศิลปะจะสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร และนี้คือขั้นตอนของฉันในการแสดงออกถึงสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อ แม้ว่าเราจะเรียกสิ่งหนึ่งว่า 'โอต์ กูตูร์' และอีกสิ่งหนึ่งว่า 'ศิลปะ' แต่สำหรับฉัน ทั้งหมดคือจักรวาลเดียวกัน กล่าวโดย Iris Van Herpen…”

หลายต่อหลายครั้งที่โลกแฟชั่นและศิลปะนั้นได้มาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อแบรนด์แฟชั่นสุดยูนีคที่เคยสร้างความประหลาดใจให้กับวงการแฟชั่นอยู่เสมออย่างไอริส วาน เฮอร์เพน (Iris Van Herpen) ได้พลิกโฉมแฟชั่นโชว์โอต์ กูตูร์ ที่โดยปกติแล้วจะเป็นการเดินโชว์บนรันเวย์ ให้กลายเป็นนิทรรศการแสดงงานศิลปะ ภายใต้ชื่อ ‘Hybrid Show' ที่จัดแสดงงานศิลปะถึงเก้าชิ้น อันประกอบไปด้วยชุดคอลเลคชั่นโอต์ กูตูร์ ประจำฤดูใบไม้ร่วงของแบรนด์ ทั้งหมดห้าชุดซึ่งถูกแขวนอยู่บนแผ่นปูนเปลือยประหนึ่งงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และงานศิลปะอีก 4 ชิ้น ณ Musée des Arts Décoratifs กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงสัปดาห์แฟชั่นเสื้อผ้าชั้นสูงที่ผ่านมา

โดยชุดราตรีทั้งห้าในคอลเลคชั่นล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นมาด้วยเทคนิคที่เป็นดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคการพิมพ์สามมิติหรือเทคนิคการจับจีบผ้าไหมให้มีลักษณะที่พลิ้วไหว มีความโค้งมน แต่ในครั้งนี้ยังได้มีการสอดแทรกเทคนิคใหม่ๆ อาทิเช่น การลงลวดลายเบาที่สะท้อนถึงการประกอบวงโค้งของศิลปะอันนุ่มนวล เข้ามาใช้ในการสร้างสรรค์ให้ออกมาเป็นเสื้อผ้าที่มีความสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอความอ่อนโยนอ่อนช้อยที่ถูกสะท้อนผ่านเสื้อผ้าที่พลิ้วไหวเหมือนลอยอยู่ในอากาศเช่นเดียวกัน

การจัดแสดงคอลเลคชั่นเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านศิลปะเคลื่อนไหวที่มีชื่อเรียกว่า ‘Aerial Sculpture’ หรือการแสดงศิลปะในลักษณะกายกรรม โดยการแขวนชุดราตรีพร้อมด้วยนางแบบที่จะมาแสดงการเคลื่อนไหวอันไหลลื่นไปกับสายลมเป็นเวลา 45 นาที ซึ่งได้ซูเปอร์โมเดลชื่อดังอย่าง Coco Rocha มาร่วมถ่ายทอดความสง่างามในครั้งนี้อีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติม : 3 แฟชั่นดีไซเนอร์กับงานออกแบบสไตล์ Genderless ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์สุดคูลแต่ยังสะท้อนตัวตนของ LGBTQIA+

RECOMMENDED READS