Olympic 2024: เมื่อการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงกับมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่
Author: Pimpichaya Chaikittiporn | Photographer: -
Aug 05, 2024
“...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เป็นกระแสนิยมไปทั่วโลก ผู้คนต่างให้ความสนใจกับทุกเกมส์การแข่งขัน และอีกหนึ่งการแข่งขันสุดอลังการที่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือการแข่งขันขี่ม้า ซึ่งทางผู้จัดอย่าง ปารีส 2024 เลือกสถานที่จัดสุดตระการตาอย่าง พระราชวังแวร์ซาย (Le château de Versailles) ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของราชวงศ์ฝรั่งเศส และเมื่อพูดถึงกีฬาขี่ม้าแล้วหลายๆ คนคงเห็นความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ราชวงศ์และความรุ่งเรืองในอดีตกันอยู่ไม่น้อย…”
ปารีส 2024 ได้ปล่อยภาพสถานที่จัดการแข่งขันขี่ม้าที่จัดขึ้น ณ พระราชวังแวร์ซาย (Le château de Versailles) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศฝรั่งเศส โดยพระราชวังแวร์ซายเป็นพระราชวังหลวงที่มากด้วยความหรูหรา สวยงาม และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสรวมถึงเป็นศูนย์กลางของอำนาจ ศิลปวิทยาการ ของฝรั่งเศสในศตวรรษ 17-18 ด้วยเหตุนี้ ในปี ค.ศ. 1979 พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต การขี่ม้าและพระราชวังแวร์ซายมีความเชื่อมโยงกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้วในโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 33 นี้ ทางผู้จัดมีความตั้งใจที่จะย้อนรอยถึงมรดกทางประวัติศาสตร์อันงดงามนี้สู่สายตาโลกอีกครั้ง
เรื่องราวการขี่ม้าและพระราชวังแวร์ซายเริ่มต้นขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 เมื่อกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระเจ้าอ็องรีที่ 4 (Henri IV) ผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกที่มาจากราชวงศ์บูร์บง (House of Bourbon) พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ( Louis XIII) และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ( Louis XIIII) กษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในยุโรปสมัยนั้น อยากจะใช้พื้นที่สีเขียวชอุ่มทางด้านตะวันตกของเมืองหลวงเพื่อล่าสัตว์ ดังนั้นพื้นที่สีเขียวในพระราชวังแวร์ซายในปัจจุบันจึงถูกใช้เป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมล่าสัตว์ นอกจากนี้ "ม้า" ก็กลายเป็นพาหะนะในการล่าสัตว์ และตั้งแต่นั้น ม้า ก็มีส่วนร่วมและบทบาทในพระราชวังแวร์ซายตลอดมา
ซึ่งม้าไม่เพียงแต่เป็นพาหะนะในสมัยโบราณเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ของผู้ปกครองประเทศ ภายใต้ระบอบการปกครองสมัยโบราณ ซึ่งกษัตริย์มีอำนาจในการปกครองสูงสุด ทำให้หากสังเกตงานศิลปะต่างๆ หรือรูปปั้นที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้น ณ ช่วงเวลาดังกล่าว จะเห็นภาพกษัตริย์บนหลังม้า สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ‘การสื่อสารทางการเมือง’ ที่ถ่ายทอดให้เห็นว่า ม้า เป็นมากกว่าองค์ประกอบทางศิลปะ สำหรับกษัตริย์แล้ว การรู้วิธีการควบคุมม้าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกครองด้วยเช่นกัน
เวลาล่วงเลยมาจนถึง ปี ค.ศ. 2003 สถาบันฝึกม้าแห่งพระราชวังแวร์ซาย (Académie Équestre de Versailles) ได้ถูกก่อตั้งขึ้น เพื่อฟื้นฟูศิลปะแห่งการบังคับม้าในพระราชวังแวร์ซายให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานนับตั้งแต่ช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสไปจนถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 อาจกล่าวได้ว่าการจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าที่พระราชวังแวร์ซายส์ครั้งนี้ เหมือนจะเป็นการกลับมาสู่แหล่งที่มาของกีฬาชนิดนี้อย่างสมเกียรติ ซึ่งการแข่งขันนี้จะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัฒนธรรมการขี่ม้าในพระราชวังแวร์ซายส์
อ่านบทความเพิ่มเติม: Olympic 2024: เสพศิลป์ไปกับ 5 นิทรรศการศิลปะสุดตระการตาที่ห้ามพลาดชมตลอดช่วงโอลิมปิก