Logo Hashtag Legend

10 อาร์ตพีซสุดสร้างสรรค์ใน Milan Design Week ผลงานจาก11 ดีไซเนอร์ Gen D Vol.02 ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Dolce & Gabbana

Author: Phuriwat Hirunrangsee | Photographer: -

May 13, 2024

"...ในงาน Milan Design Week ปี 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ โดเมนิโก โดลเช่ (Domenico Dolce) และ สเตฟาโน กาบบานา (Stefano Gabbana) สองดีไซเนอร์คู่บุญจาก โดลเช่แอนด์กาบบานา (Dolce&Gabbana) ได้ให้การสนับสนุนเหล่านักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในโครงการ Gen D (Generation Designers) เป็นครั้งที่สอง..."

โดยเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์จากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมโครงการ มีภัณฑารักษ์ เฟเดอริก้า ซาลา (Federica Sala) เป็นผู้คัดเลือกดีไซเนอร์ที่น่าจับตามองทั้งหมด 11 คน นักออกแบบที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าเวิร์กช้อปเพื่อศึกษาเทคนิคงานช่างฝีมือตามแบบฉบับของอิตาลีมีการแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ระหว่างดีไซเนอร์และช่างฝีมือ ก่อนที่จะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมด 10 ชิ้นที่ยังคงไว้ซึ่ง DNA ของโดลเช่แอนด์กาบบานา

Gen D Vol.2 เป็นโครงการที่เปรียบเหมือนสะพานเชื่อมวัฒนธรรมระหว่างนักออกแบบที่น่าจับตามองจากหลากหลายประเทศเข้ากับความรู้ความชำนาญและทักษะเชิงช่างที่สืบสานมาอย่างยาวนานตามแบบฉบับ Made in Italy  เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์แต่ละคนสร้างสรรค์ผลงานขึ้นอย่างอิสระ  ด้วยการบรรจบกันระหว่างประเพณี, งานฝีมือ, ความรู้ที่สั่งสมมาเนิ่นนานของอิตาลี และวัฒนธรรมท้องถิ่นของดีไซเนอร์แต่ละคน

นักออกแบบที่ได้รับเลือกของโครงการนี้เริ่มโปรเจ็คต์จากการเลือกวัสดุหรือเทคนิคที่ต้องการจะใช้ในการสร้างสรรค์งานดีไซน์ โดยทีมงานได้นำพวกเขาไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วอิตาลี เพื่อสำรวจอาณาจักรของเซรามิก และโมเสกแก้ว รวมถึงการได้พบปะกับช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญศิลปะการเป่าแก้ว, การเคลือบโลหะ, การหลอมโลหะหรืองานช่างไม้ และศิลปะจิตกรรมภายในอันเป็นเอกลักษณ์ของโดลเช่แอนด์กาบบานา โดยมีผลงานทั้งหมด 10 ชิ้น โดยดีไซเนอร์ทั้งหมด 11 คน

 Dynamic Tensions by Thabisa Mjo

ดีไซเนอร์จากแอฟริกาใต้นำเสนอผลงานในชื่อ Dynamic Tensions ดีไซน์เก้าอี้ที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการสานโดยใช้การผสมผสานงานช่างฝีมือระหว่างแอฟริกาใต้และอิตาลี ภายใต้คอนเซปต์ของการเชื่อมโยงความอ่อนหวานแบบเฟมินินเข้ากับสไตล์มาสคิวลิน เธอเชื่อว่ามนุษย์เราไม่ได้ถูกจำกัดความว่าต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่งและถ่ายทอดมาสู่งานออกแบบเก้าอี้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสองรูปแบบ ตัวหนึ่งมีความเรียบง่ายและอีกชิ้นงานโดดเด่นด้วยสีสันตามแบบของแอฟริกา

Wonderland by Mingyu Xu

ดีไซเนอร์จากประเทศจีนเป็นอีกหนึ่งคนที่หลอมรวมงานฝีมือจากบ้านเกิดเข้ากับงานฝีมือจากอิตาลี เขามองเห็นจุดเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศผ่านแพทเทิร์นที่คล้ายคลึงกัน จึงได้เลือกใช้แมทีเรียลที่สื่อความหมายถึงบ้านเกิดอย่างไม้ไผ่ผสมผสานหวายจากซิซิเลียน และศิลปะการเป่าแก้วของเวนิส เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลป์ในชื่อ Wonderland ที่จะชวนให้เราสนุกและชวนฝันกับชิ้นงานศิลป์ที่มีความร่วมสมัย

Chest of Flames by Hannah Lim

แรงบันดาลใจจากงานออกแบบหีบโบราณและแท่นที่นั่งตามแบบของอิตาลีที่มักจะนำเรื่องราวของเจ้าของมาใช้ในสร้างสรรค์ลวดลายบนงานดีไซน์ ปลุกไอเดียให้ฮานนาห์ออกแบบหีบของเธอเองโดยผสมผสานสไตล์เฉพาะตัวของโดลเช่แอนด์กาบบานาเข้ากับความกบฏและความเข้มแข็งที่สื่อผ่านสัญลักษณ์รูปไฟ ไฟยังมีเรื่องเล่าต่างกันไปตามตำนานต่างๆ เช่น ในวัฒนธรรมของจีนนั้นได้มีความผูกพันกับมังกรเธอจึงได้นำมาใช้เป็นลวดลายบนหีบ อีกทั้งยังนำรูปทรงของ Mount Etna ภูเขาไฟในซิซิเลียนมาใช้ในงานดีไซน์อีกด้วย

A Journey by Jie Wu

จากความเชื่อในสัญลักษณ์นำโชคที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมอิตาลีเข้ากับวัฒนธรรมจีนได้กลายมาเป็นแหล่งไอเดียให้ดีไซเนอร์หยิบยกเอาสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายดีๆของจีนไม่ว่าจะเป็นดอกบัว เครื่องทองแดง และเชือกถักแบบจีน มาหลอมรวมกับรูปปั้นรูปลูกสนของซิซิลี มาออกแบบชิ้นงานประติมากรรมที่มีความโมเดิร์นแต่ยังสะท้อนเอกลักษณ์ของสองวัฒนธรรม

Ceramic Nacre by Byungsub Kim

ศิลปะการฝังโมเสกของอิตาลีที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับงานไม้ลงรักของเกาหลีในยุคโบราณ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์ชาวเกาหลีใต้ออกแบบผลงานภายใต้แนวคิดการเชื่อมโยงอดีตเข้ากับอนาคต ด้วยการใช้การออกแบบดิจิทัลมาสร้างลวดลายโมเสกที่นำเอากลิ่นอายงานลงรักของเกาหลีเข้ามาผสมผสาน สร้างสรรค์เป็นประติมากรรมชิ้นใหญ่ที่มีความร่วมสมัยทั้งรูปทรงและลวดลาย เป็นผลงานที่สะท้อนการรวมตัวระหว่างประเพณีดั้งเดิมและความทันสมัย ความว่างเปล่าและความสมดุล ศิลปะและงานดีไซน์

Arcadia by Laurids Gallée

จากซีนประทับใจในภาพยนตร์เรื่อง La Dolce Vita ที่โด่งดังในช่วงเวลา 50s และ 60s เป็นแหล่งไอเดียให้นักออกแบบชาวออสเตรียได้สร้างเฟอร์นิเจอร์ไม้วีเนียร์หรูเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงแปลกตาสร้างสรรค์โดยช่างฝีมือที่ทำขึ้นด้วยความพิถีพิถันประดับด้วยภาพวาดสีน้ำมันสะท้อนความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของอิตาลีทั้งในเชิงสถาปัตยกรรม, อาหาร และธรรมชาติ

Mare Nostrum Fantasia by MESTIZ (Daniel Valero)

ดีไซเนอร์ชาวเม็กซิกันได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยการใช้สีสันสดใสจากบ้านเกิดตนเองมานำเสนองานศิลป์โดยใช้วัสดุทำมือที่หลากหลายเพื่อออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่หลุดออกจากแบบแผนเดิมๆ โดยได้แรงบันดาลใจจาก ความฟุ้งฝันของ Fellini เฟอร์นิเจอร์แนวเซอร์เรียลจากยุค Pre-Hispanic บทกวีที่เล่าเรื่องชีวิตริมชายฝั่งอิตาลี ต่อยอดมาสู่งานออกแบบโต๊ะริมชายหาดตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีแดง เท็กซ์ไทล์ที่ห่อหุ้มโคมไฟราวกับเป็นร่มชายหาดติดตั้งไว้กลางโต๊ะ

Me Terre Or by Touche-Touche

ผลงานออกแบบโดยสองดีไซเนอร์ Carolin Giezner และ Théo Demans จาก Atelier Zavantem จากกรุงบรัสเซลส์ ที่นำแรงบันดาลใจจากการเดินเขาในซิซิลี ธรรมชาติที่มีลักษณะเฉพาะตัวชวนให้คิดถึงวัฏจักรของชีวิตและความตายซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างต่อเนื่องมาสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลป์จากการผสมผสานแมทีเรียลที่หลากหลายโดยเน้นเท็กซ์เจอร์ที่มีลักษณะโดดเด่นที่ชวนให้นึกถึงธรรมชาติ ประติมากรรมรูปหินได้ซ่อนระบบทำความร้อนเอาไว้ทำงานได้ด้วยปุ่มหินเพอริดอตติดตั้งอยู่ด้านหนึ่งของชิ้นงาน และยังออกแบบมาให้สามารถหมุนปุ่มหินเพื่อควบคุมการไหลของน้ำซึ่งจะค่อยๆ ระเหยไปในแอ่งน้ำวนที่แกะสลักไว้ เป็นประติมากรรมที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ เชื่อมโยงวัฏจักรของชีวิตเข้ากับชิ้นงานศิลป์ได้อย่างน่าตื่นตา

 

Whatever is at hand by Riccardo Cenedella

จากงานออกแบบเครื่องประดับของโดลเช่แอนด์กาบบานา และคอลเลคชั่น the Alta Sartoria ที่จัดแสดงใน Marzamemi เป็นแหล่งไอเดียชั้นดีให้ริคคาร์โดออกแบบโคมไฟแชนเดอร์เลียที่สร้างสรรค์จากเศษทองแดงผสมผสานเศษแก้วมูราโน่ ภายใต้แนวคิดการนำวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมต่างๆ มาประกอบเป็นชิ้นงานดีไซน์ใหม่ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมงานดีไซน์แบบยั่งยืนแล้วยังเป็นการสร้างให้ผู้คนฉุกคิดในการเลือกบริโภคสินค้ามากยิ่งขึ้น 

Amlima Nu Wɔ Fɛ (My Magical Home) by Ella Bulley

ความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ, ภูมิทัศน์ที่สวยงามของกานา และทรัพยากรแร่ของ Volta Land และ Ga Mashie จุดประกายให้ดีไซเนอร์สาวออกแบบโคมไฟด้วยการผสมผสานวัสดุที่หลากหลายเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหิน, แก้ว และทองคำจากกานาประเทศบ้านเกิดของเธอ ดีไซน์มาเป็นโคมไฟที่มีสีสันเฉพาะตัวผสมผสานคู่สีที่ดูน่ารักและชวนฝันในเวลาเดียวกัน

รูปภาพจาก: Dolce&Gabbana

อ่านบทความเพิ่มเติม: Hermès เปิดตัวนิทรรศการ Collections For The Home 2024 ที่ Milan Design Week

RECOMMENDED READS