Logo Hashtag Legend

Gucci Cruise 2025 คอลเลคชั่นครูสฟุ้งกลิ่นอายโรแมนติกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความหลากหลายและกรุงลอนดอน

Author: Phuriwat Hirunrangsee | Photographer: -

May 17, 2024

หลังจากที่ ซาบาโต เด ซาร์โน (Sabato De Sarno) ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ได้สร้างสรรค์ผลงานให้กับกุชชี่ (Gucci) ผ่านมาแล้วสองฤดูกาล หนึ่งเอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดในงานดีไซน์ของเขาคือดีไซน์มินิมอลเรียบโก้แฝงความเย้ายวนที่มาในโทนสีสวยน่าสวมใส่ที่ตอบโจทย์กระแสของเทรนด์ quiet Luxury แต่สาวกของแบรนด์ที่ยังคงคิดถึงกลิ่นอายโรแมนติกซึ่งปกคลุมแฟชั่นเฮ้าส์แห่งนี้ไว้นานร่วมสิบปีต่างยังเฝ้ารอจะได้เห็นงานออกแบบในมิติที่ชวนฟุ้งฝันบนรันเวย์ และคอลเลคชั่น Cruise 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่เทท โมเดิร์น (Tate Modern) ในกรุงลอนดอน น่าจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นที่มาเติมเต็มความปรารถนาให้กับสาวกของแบรนด์ที่กำลังตั้งตาคอย

 

“งานออกแบบแฟชั่นนั้นชวนให้เราได้ศึกษา สำรวจ และตีความหมาย หลังจากที่ผมได้ถ่ายทอดงานดีไซน์ผ่านแนวคิดความน่าปรารถนาและเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหลในผลงานที่ผ่านมาแล้ว ผลงานครั้งนี้จึงสะท้อนตัวตนอีกด้านของผมที่แสดงออกถึงความโรแมนติกและความขัดแย้งมากขึ้น  ผมชอบนำสิ่งที่คิดว่าเรารู้จักมันดีมาสร้างสรรค์ใหม่โดยการฉีกกฎเกณฑ์ของมันและไปให้สุดโต่งที่สุดโดยที่ไม่บิดเบือน สร้างสิ่งที่ตรงกันข้ามและมองหาความกลมกลืนของมันซาบาโต เด ซาร์โน

 นอกจากลอนดอนจะเป็นเมืองที่มีความผูกพันกับซาบาโตแล้วมหานครแห่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาจากประสบการณ์การทำงานในโรงแรม the Savoy  การเลือกเทท โมเดิร์น พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยพื้นที่สาธารณะในการพบปะผู้คนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรมเป็นสถานที่จัดโชว์ครั้งนี้มีสาระสำคัญในการสะท้อนเรื่องราวของแนวคิด Duality ที่ซาบาโตตั้งใจจะสื่อสารผ่านงานออกแบบครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างความเป็นอังกฤษที่ถูกตีความในแบบของอิตาลี เรื่องราวของมนุษย์และธรรมชาติผ่านการเซ็ตติ้งโดยใช้พันธุ์ไม้กว่า 10,000 ต้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างความเรียบง่ายและโรแมนติก  จากกลิ่นอายของลอนดอนทั้งธรรมชาติ, อากาศ และการแต่งตัวของผู้คนเมื่อถูกนำมาปั่นผสมเข้ากับตัวตนของแบรนด์และความเป็นอิตาเลียนได้เกิดเป็นงานออกแบบที่ชวนมองทั้งหมด 53 ลุคที่มีให้เลือกสรรทั้งลุคมินิมอลเรียบโก้คัตติ้งเฉียบคม ลุคที่ตัดเย็บด้วยผ้าออแกนซ่าและชีฟองชวนฟุ้งฝันโรแมนติก และสไตล์โบฮีเมียนที่ปลุกให้แฟชั่นแบบ Soho Chic ในปี 70S ของลอนดอนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

 

Pussy Bow

การกลับมาของโบว์ขนาดใหญ่ที่ผูกด้านหน้าเสื้อเชิ้ตตัวสวย ดีเทลที่ช่วยหยอดความโรแมนติกให้กับงานออกแบบได้อย่างลงตัว ความอ่อนหวานพลิ้วไหวจับคู่เข้ากับแจ๊คเก็ตหนังกลับเฉดสีน้ำตาลหรือโอเวอร์ไซส์แจ๊คเก็ตสีดำสร้างมิติที่น่าสนใจให้กับการเลเยอร์ การเลเยอร์โทนสีเดียวกันบนวัสดุที่แตกต่างอย่างเชิ้ตผ้าชีฟองผูกโบว์ด้านหน้ากับแจ๊คเก็ตหนังสีแดงก่ำก็เป็นอีกหนึ่งการสไตลิ่งที่น่าสนใจ

 

Shade of Retro

การหวนกลับมาของสไตล์โบฮีเมียน และแฟชั่นยุค 70S เป็นคีย์ลุคสำคัญในการสร้างความสนุกในคอลเลคชั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตผ้าพิมพ์ลายแมตช์กับแจ๊คเก็ตสูทหนังกลับปั๊มลายโมโนแกรม GG และกางเกงยีนส์ขากว้าง แม็กซี่เดรสผ้าพลีตพิมพ์ลายดอกไม้พลิ้วไหวที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณเสรี  เรายังได้เห็นการนำเอาซิลลูเอ็ตของชุดมินิเดรสหนังกลับโทนสีน้ำตาลคาเมลของแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในช่วงเซเวนตี้ส์มาปัดฝุ่นและมิกซ์แอนด์แมตช์ให้สวยเด่นสะดุดตา ไม่เพียงแค่นั้นกระเป๋ารุ่น Blondie ซึ่งถือกำเนิดในช่วงเวลาเดียวกันได้กลับมาในรูปโฉมใหม่รังสรรค์จากหนังกลับและหนังลูกวัวสีสวยแบบโมโนโครม และยังมาในเวอร์ชั่นผ้าแคนวาสพิมพ์ลายโมโนแกรมพร้อมด้วยการตกแต่งหนังรูปโลโก้ GG อันเป็นเอกลักษณ์ที่ใจกลาง

Daisy Daisy

หนึ่งดีเทลบนเสื้อผ้าที่ทุกคนต่างพากันแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียคือลวดลายปักดอกเดซี่แบบสามมิติลงบนชุดลูกไม้ ดอกไม้ผ้าแบบสามมิติบนกระโปรงทรงสอบสุดน่ารัก กางเกงยีนส์เพ้นต์ลายดอกเดซี่แล้วปักเลื่อมทับที่แมตช์เข้ากันอย่างลงตัวกับบราผ้าลูกไม้และแจ๊คเก็ตตัวโคร่งผสมผสานลุคแบบเฟมินินและมาสคิวลินได้ชวนมอง ดอกไม้ที่เบ่งบานบนเสื้อผ้าในครั้งนี้จึงเป็นไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดให้คอลเลคชั่นนี้ชวนให้เราได้ฟุ้งฝันกันอีกครั้ง

City of Rain

ลวดลายตารางตามแบบฉบับของอังกฤษได้ถูกนำมาสร้างสรรค์รายละเอียดบนเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นลายเย็บบุบนหนังกลับและผ้าพิมพ์ลายตาราง แต่ดีเทลที่ยกระดับให้ลายตารางได้อย่างน่าสนใจคืองานปักร้อยลูกปัดแก้วป็นลวดลายตารางในโทนสีพาสเทลสวยหวาน พู่ลูกปัดห้อยเป็นเส้นนี้ยังชวนให้คิดถึงสายฝนโปรยปรายอากาศที่เรามักจะได้เจอเมื่อมาเยือนลอนดอนอีกด้วย

 

All Flat

ไม่บ่อยนักที่รองเท้าบนรันเวย์โชว์จะเป็นรองเท้าส้นเตี้ย รองเท้าที่แมตช์กับลุคในโชว์คราวนี้ทั้งหมดเป็นรองเท้าส้นแบน โดยบางลุคจับคู่เข้ากับถุงเท้าตกแต่งขอบลายแถบสีเขียวและแดงของแบรนด์ให้อารมณ์แฟชั่นสุดคูลของวัยรุ่นอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นโลฟเฟอร์หนังตกแต่งอะไหล่โลหะ Horsebit ด้านหน้า, โลฟเฟอร์หนังตกแต่งหมุดที่ชวนให้คิดถึงวัฒนธรรมดนตรีพังก์ที่ได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักร, รองเท้าบัลเลรินาตกแต่งสายรัดข้อเท้า และรองเท้าบัลเลรินาตกแต่งสายคาดเท้าเรียงกันสามเส้นโทนสีแดงก่ำที่ช่วยคอมพลีตให้ลุคในครั้งนี้ดูน่าสนใจขึ้น

 

Pastel Paradise

นอกจากการจับคู่โครงเสื้อตัวหลวมอย่างแจ๊คเก็ตโอเวอร์ไซส์เข้ากับกระโปรงทรงสอบความยาวเลยเข่าจะเป็นซิลลูเอ็ตที่แบรนด์นำเสนอได้อย่างน่าสนใจแล้ว การเลือกแมตช์คู่สีพาสเทล เช่น ม่วงลาเวนเดอร์เข้ากับเหลืองมัสตาร์ดและฟ้าเบบี้บลู หรือโทนสีลูกกวาดสุดน่ารักอย่างเหลืองและชมพูพาสเทล เป็นการจับคู่สีที่ดูสวยสะดุดตาและน่าสวมใส่ ชวนให้เราสัมผัสถึงบรรยากาศการพักผ่อนในทริปท่องเที่ยวท่ามกลางอากาศที่กำลังอบอุ่นสบายๆ 

 

 

รูปภาพ: Gucci

อ่านบทความเพิ่มเติม: กระเป๋าโท้ทดีไซน์เก๋ใบเด่นข้างกายพร้อมคอมพลีตลุคสวยให้คุณในซีซั่นนี้

 

 

 

 

RECOMMENDED READS