Logo Hashtag Legend

Gucci เปิดตัวนิทรรศการ Gucci Visions ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่แห่งงานออกแบบผ่านเรื่องราวกว่าหนึ่งศตวรรษ

Author: Kantinan Srisan | Photographer: Courtesy of Gucci

Jun 07, 2024

“…ถือเป็นอีกหนึ่งความอัศจรรย์จากกุชชี่ (Gucci) สำหรับงานจัดแสดงชิ้นเรือธงแห่งปีอย่าง Gucci Visions นิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นของ Gucci ที่ได้สืบทอดมายาวนานกว่า 103 ปี รวมรวบสารพันรหัสเฉพาะและเอกลักษณ์จากเหล่าครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และช่างฝีมือเปี่ยมพรสวรรค์ในช่วงเวลากว่าศตวรรษเอาไว้ในที่เดียว...”

ด้วยพื้นที่อันกว้างขวางซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมืองของ EM GLASS ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ทำให้นิทรรศการในครั้งนี้บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วนกระบวนความผ่านห้องจัดแสดงทั้ง 6 ห้อง ที่แบ่งตามเรื่องราวที่กุชชี่ได้คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีส่วนสำคัญอยู่ที่ชิ้นงานออกแบบระดับไอคอนมากมายที่แบรนด์ได้รวบรวมมา ยิ่งไปกว่านั้นภายในนิทรรศการแห่งนี้ ผู้ชมยังจะได้รับรู้ถึงจุดเริ่มต้นและนัยสำคัญขององค์ประกอบต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมไปถึงบทบาทสำคัญของแต่ละองค์ประกอบที่คงเสน่ห์ในแบบของกุชชี่อยู่เสมอไล่เรียงไปตามลำดับเวลาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทาง, กระเป๋า Bamboo, ลวดลายโมโนแกรม GG และลวดลาย Flora ไปจนถึงชุดราตรียาวสำหรับงานกลางคืนอันงดงามวิจิตรที่เคยสวมใส่โดยเหล่าเซเลบริตี้อย่างต่อเนื่องมากว่าศตวรรษ

Flora

ห้อง Flora ถ่ายทอดลวดลายดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากจินตนาการของ Vittorio Accornero de Testa ผู้เป็นทั้งศิลปิน, นักออกแบบฉาก และนักวาดภาพประกอบชาวอิตาลีที่ร่วมงานกับแบรนด์มาตั้งแต่ปี 1966 โดยลวดลาย Flora ปรากฏขึ้นบนผืนผ้าเป็นครั้งแรกผ่านผ้าพันคอที่รังสรรค์จากผ้าไหม ความเป็นธรรมชาติของลายพิมพ์สะท้อนความสวยงามของฤดูกาลทั้ง 4 ผ่านภาพดอกไม้ พรรณไม้ และแมลงนานาชนิด ที่นับได้ว่าเป็นดั่งจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์เสมอมา ยิ่งไปกว่านั้นเสน่ห์ชวนหลงใหลของลวดลายนี้ยังได้ถ่ายทอดไปสู่ผลงานออกแบบอื่น ๆ ของแบรนด์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายแบบ ready-to-wear กระเป๋าถือ เครื่องประดับ รวมไปถึงน้ำหอม Gucci eau de parfum ซึ่งมีกลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน

Bamboo

อีกหนึ่งห้องจัดแสดงที่รวบรวมผลงานระดับตำนานของแบรนด์อย่าง Gucci Bamboo ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1947 เอาไว้อย่างครบถ้วน หลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงถึงความไม่หยุดนิ่งและไม่ยึดติดกับกฏเกณฑ์เดิมๆ ของช่างฝีมือของกุชชี่ คือการเลือกใช้วัสดุอย่างไม้ไผ่ ที่นับเป็นวัสดุที่ไม่ได้เป็นที่นิยมในช่วงเวลาดังกล่าว โดยกุชชี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Vasco Gucci บุตรชายคนที่ห้าของ Guccio Gucci ผู้มีความชื่นชอบในตัวไม้เท้า หลังจากการทดลองหลายต่อหลายครั้ง ในปี 1947 ไม้ไผ่จึงถูกนำมาใช้ในสตูดิโอเวิร์คช็อปของแบรนด์ โดยการนำไม้ไผ่ไปผ่านการดัดขึ้นรูปด้วยเปลวไฟให้ได้เป็นที่จับกระเป๋ารูปทรงโค้งได้สัดส่วนพร้อมลงน้ำยาเคลือบเงา นำมาสู่ผลงานการออกแบบที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นจากเหล่านักแสดงชั้นนำทั่วโลก ก่อนที่ไม้ไผ่จะถูกนำมาปรับโฉมใหม่ด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงานอื่นๆ ตั้งแต่หัวเข็มขัดไปจนถึงรองเท้าส้นสูงคู่เด่น จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่กระเป๋า Bamboo 1947 จะถือเป็นหนึ่งในชิ้นงานที่บ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของกุชชี่ พร้อมตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำในด้านศิลปะงานช่างฝีมือชั้นสูง

Travel

ย้อนกลับไปสู่ปี 1921 ที่แบรนด์กุชชี่ถือกำเนิดขึ้น แนวคิดแรกเริ่มหาได้เป็นเรื่องของการเป็นเจ้าแห่งโลกแฟชั่น แต่เป็นการมุ่งเน้นไปยังการรังสรรค์ “กระเป๋าเดินทางตามแบบฉบับอังกฤษ” อันเป็นความมุ่งมั่นของ Guccio Gucci ที่มีจุดเริ่มต้นจากการเดินทางสู่กรุงลอนดอนกว่าสองทศวรรษก่อนหน้าการถือกำเนิดของแบรนด์ เมื่อครั้งวัยเยาว์ที่เขาทำหน้าที่เป็นพนักงานยกกระเป๋า ณ โรงแรม The Savoy ที่ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในมหานครแห่งนี้ การเฝ้าสังเกตพฤติกรรม วิถีปฏิบัติตามแบบฉบับของชนชั้นสูง รวมไปถึง ‘อุปกรณ์’ ที่ผู้คนเหล่านั้นพกพาติดตัวไปด้วย ทำให้ Guccio รู้ว่ากระเป๋าเดินทางที่ดีที่สุดควรเป็นอย่างไร เมื่อประกอบเข้ากับความปรารถนาอันแรงกล้าพร้อมด้วยวิสัยทัศน์ งานออกแบบกระเป๋าเดินทางของแบรนด์ในขณะนั้นจึงมีความเป็นสุดยอดในหลากหลายมิติ และการจัดดิสเพลย์ในห้องนี้รวมไปถึงโมเดลระดับไอคอนิคที่เรียงรายอยู่รอบๆ เอง ก็สะท้อนได้ถึงความอัศจรรย์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

Icons

เมื่อพูดกันถึงผลงานการออกแบบระดับ ‘ไอคอน’ ของกุชชี่ หลายคนอาจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีอยู่อย่างมากมาย และทั้งหมดที่พอจะจินตนาการได้ ถูกรวบรวมเอาไว้อย่างพร้อมเพรียงกันในห้องนี้ เพราะห้อง Icons ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงผลงานระดับตำนานมากมายของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือ Bamboo 1947, Horsebit หรือตะขอปากม้าที่ปรากฎโฉมอยู่บนรองเท้าทรงโลฟเฟอร์ตั้งแต่ปี 1953 และปี 1955 สำหรับกระเป๋าถือ Horsebit 1955 รวมไปถึง Jackie 1961 กระเป๋ารูปทรงพระจันทร์เสี้ยวที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ตกแต่งตัวล็อคที่ปิดกระเป๋ารูปทรงคล้ายลูกสูบ อีกหนึ่งผลงานอมตะที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวแทนของงานดีไซน์ชิ้นโบว์แดงของแบรนด์ ที่สะท้อนได้ถึงภาพลักษณ์แสนโดดเด่น แนวคิดสร้างสรรค์ที่ฉลาดล้ำ และงานช่างฝีมือแสนประณีตในแบบฉบับของกุชชี่ในทุกมิติ และในห้องจัดแสดงนี้ได้มีการรวบรวมผลงานทั้งสามดีไซน์เอาไว้กว่า 200 ใบ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของ Gucci

Stars

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของกุชชี่และเหล่าบุคคลสำคัญ เซเลบริตี้ และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีมายาวนานกว่าศตวรรษ โดยในช่วงแรกที่ Guccio Gucci ได้พบกับกลุ่มชนชั้นสูงที่โรงแรม Savoy ในกรุงลอนดอนไปจนถึงการเป็นที่รู้จักยอมรับในหมู่ดาราภาพยนตร์จากฮอลลีวูดและชนชั้นสูงทั่วโลกในช่วงยุค 1950s และ 1960s สู่ความเป็นไอคอนิกในฐานะสัญลักษณ์แห่งความหรูหราสง่างามในช่วงหลายทศวรรษต่อมาจวบจนปัจจุบัน การจัดแสดงของห้อง Stars ได้มีการนำเอากระจกและจอภาพดิจิทัลมาใช้ในการนำเสนอประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจ ทั้งยังช่วยเสริมให้เครื่องแต่งกายที่ถูกคัดสรรมาจัดแสดงในครั้งนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น สำหรับหลากหลายายชุดราตรีอันสง่างามในห้องนี้ได้ถูกตัดเย็บขึ้นโดยเฉพาะเพื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแวดวงภาพยนตร์และดนตรี เช่น Jennifer Lopez,  Jessica Chastain, ใหม่ ดาวิกา แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทให้กับการรังสรรค์ผลงานเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกุชชี่อย่างแท้จริง

Fashion

สำหรับห้องสุดท้ายที่จัดแสดงในธีมของ Fashion เป็นการจัดแสดงลุคระดับไอคอนิคต่าง ๆ ในแต่ละทศวรรษที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยหยิบยกมาจากผลงานเก็บสะสมที่ผ่านมาของแบรนด์จาก Gucci Archive ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ปราสาท Palazzo Settimanni ในเมืองฟลอเรนซ์ ผลงานเหล่านี้นับเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าที่ไม่เพียงแค่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังคงเป็นพื้นที่สำหรับส่งต่อตำนานของงานออกแบบในช่วงเวลานั้นๆ ไปสู่บุคคลรุ่นต่อไป สารพันรหัสสำคัญอันโดดเด่นของกุชชี่ต่างถูกรวบรวมมาอยู่ด้วยกันในห้องนี้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ลวดลาย Flora ลวดลายไอคอนิคจากยุค 1960s มาสู่ความเย้ายวนตามแบบฉบับของ Tom Ford งานออกแบบลายผ้าลูกไม้และกระเป๋า Gucci Jackie มาจนถึงรหัสลับเฟมินีนของ Frida Giannini และแรงบันดาลใจจากยุค 1970s ผ่านสายตาของ Alessandro Michele มาจนถึงคอลเลกชั่นเดบิวต์ของ ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์คนล่าสุดของแบรนด์อย่าง Sabato De Sarno

นิทรรศการ Gucci Visions ในประเทศไทยจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 นี้ ณ EM GLASS บริเวณชั้น G อาคาร EM TOWER ศูนย์การค้า EMSPHERE

สำหรับผู้ที่สนใจรับชมนิทรรศการ Gucci Visions สามารถสำรองการเข้าชมได้ที่ https://www.gucci.com/th/en_gb/st/capsule/gucci-visions-bangkok หรือ LINE Official Account: @GUCCITH

รูปภาพจาก: Gucci

อ่านบทความเพิ่มเติม: COUTURE O’CLOCK เมื่อโอต กูตูร์บรรจบกับงานสร้างสรรค์เรือนเวลาสุดครีเอทของ CHANEL

RECOMMENDED READS