Logo Hashtag Legend

Fendi เผยโฉมคอลเลคชั่นน้ำหอมเต็มรูปแบบของแบรนด์เป็นครั้งแรก

Author: Kantinan Srisan | Photographer: -

May 24, 2024

“…อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อพูดถึงแบรนด์อย่างเฟนดิ (Fendi) หลายคนต่างต้องนึกถึงสารพันไอเทมประเภทเสื้อผ้า เครื่องหนัง หรือเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์แสนโดดเด่น แต่ภาพจำเหล่านี้แลดูจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อล่าสุดนี้เฟนดิได้ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นน้ำหอมเต็มรูปแบบของแบรนด์อย่างเป็นทางการ…”

เพื่อเฉลิมฉลองให้กับการใกล้เข้าสู่หนึ่งศตวรรษของเมซง เฟนดิเลือกถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์ในรูปแบบที่ต่างออกไป ผ่าน 7 กลิ่นหอมสุดเอ๊กซ์คลูซีฟที่รวบรวมจิตวิญญาณของแบรนด์เอาไว้อย่างครบถ้วน โดยเรื่องราวความเป็นมาของกลิ่นหอมแสนจรรโลงนี้ได้ตั้งต้นมาจากความประทับใจของ Adele Casagrande Fendi และ Edoardo Fendi ผู้เป็นสามี ที่ได้เปิดตัวเวิร์คชอปด้านขนเฟอร์และผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1925 และสิ่งนี้ได้ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้น้ำหอมใหม่ล่าสุดของแบรนด์ทั้ง 7 กลิ่นนี้เปรียบได้ดั่งคำเชื้อเชิญร่วมเดินทางไปกับความสัมพันธ์และเรื่องราวพิเศษของบุคคลสำคัญในตระกูลเฟนดิ

Prima Terra: Kim Jones
สุคนธกร: Quentin Bisch

ณ ทางตอนใต้และตะวันออกของแอฟริกาอันเป็นสถานที่ที่มอบความทรงจำล้ำค่าในชีวิตวัยเด็กให้กับ Kim Jones ทำให้ Prima Terra เป็นกลิ่นหอมที่ชวนให้รำลึกถึงความหลังในวัยเด็ก โดดเด่นด้วยส่วนผสมของส้มเขียวหวานจากแคว้นกาลาเบรียและแคว้นซิซิเลีย ร่วมกับโรสแมรีจากประเทศตูนิเซียและโมร็อกโกที่ให้ความรู้สึกสดชื่น พร้อมโอ๊คมอสส์ที่นำเสนอความอบอุ่นและความคงทนมาสู่ผู้คนรอบข้าง

“เมื่อเราสร้างกลิ่นหอมนี้ขึ้น ความปรารถนาของผมคือการรวบรวมกลิ่นทุกกลิ่นที่สร้างชีวิตบทนี้ของผม ซึ่งคือวัยเยาว์ของผมในแอฟริกา” กล่าวโดย Kim Jones

Perché No: Silvia Venturini Fendi
สุคนธกร: Quentin Bisch

น้ำหอมที่เป็นมากกว่าน้ำหอม หากแต่บอกเล่าถึงสภาวะจิตใจของ Silvia Venturini Fendi ที่คำว่า ‘Why not’ เปรียบเสมือนกับคำขวัญแห่งชีวิต กลิ่นหอมที่ชวนให้นึกถึงความสดใสและแสงแดดท่ามกลางสวนของ I Casali del Pino บ้านในชนบท ณ กรุงโรมที่ครอบครัวเฟนดิมักจะมาพบปะกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ความทรงจำวัยเด็กและความสบายที่ลงตัวท่ามกลางความสดชื่นนี้ ได้ถูกส่งผ่านกลิ่นเผ็ดร้อนเล็กน้อยของพริกไทยสีชมพูจากบราซิล รมควันด้วยธูปเล็กน้อย ความอบอุ่นแห่งชีวิตจากไม้จันทร์ที่มีกลิ่นบัลซามิก

"ผ้าขาวที่ตากแห้งในแสงแดดนั้นเรียบง่าย สวยงาม และสะกดจิตได้ในเวลาเดียวกัน" กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi

Sempre Mio: Delfina Delettrez Fendi
สุคนธกร: Quentin Bisch

กลิ่นหอมล้ำค่าที่กรั่นกรองจากอารมณ์ศิลป์ของ Delfina Delettrez Fendi ถ่ายทอดถึงความทรงจำวัยเด็กที่เธอได้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นำเสนอผ่านสัญญะความสดชื่นเสมือนกลิ่นของมะกรูดคาลาเบรียน (Calabrian bergamot) ที่มั่นคงและลึกลับเหมือนไม้ซีดาร์ พร้อมสัมผัสเข้มข้นและคมชัดเหมือนดอกส้มจากโมร็อกโก ทำให้ Sempre Mio เปรียบได้ดั่งน้ำหอมที่บอกเล่าเรื่องราวความผูกพันกับรากเหง้าอย่างเป็นธรรมชาติ

"ฉันต้องการพูดถึงตัวตนของฉันเอง ว่าฉันมาจากที่ไหน Sempre Mio คือการเดินทางอย่างคุ้นเคย ซึ่งมันเป็นตัวตนของฉัน วิธีที่ฉันนิยามตัวฉันเอง" กล่าวโดย Delfina Delettrez Fendi

Ciao Amore: Leonetta Luciano Fendi
สุคนธกร: Fanny Bal

กลิ่นหอมแห่งแสงแดดของ Ciao Amore คือช่วงเวลาที่เปรียบได้ดั่งความเป็นนิรันดร์ สำหรับ Leonetta Luciano Fendi ผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาระลึกถึง Ponza เกาะที่ตั้งอยู่ระหว่างโรมและเนเปิลส์ ที่ซึ่งครอบครัวเฟนดิใช้เวลาในช่วงฤดูร้อนร่วมกัน ที่ที่หินภูเขาไฟพุ่งลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมไปกับกลิ่นอายของดอกส้มจากตูนิเซียที่ผสมผสานอยู่ในแสงแดด 

“Ciao Amore' คือวิธีที่ฉันทักทายเพื่อนและผู้คนที่ฉันรู้สึกใกล้ชิด เพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น มันเป็นการแสดงออกที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณและมีชีวิตชีวา สะท้อนบุคลิกของฉัน" กล่าวโดย Leonetta Luciano Fendi

Dolce Bacio: Anna Fendi
สุคนธกร: Anne Flipo

ติดทนดั่งรอยลิปสติก หอมดั่งความรัก และความหวานในความรู้สึก สามองค์ประกอบที่ Anna Fendi มอบให้กับกลิ่นหอมที่เธอได้สรรสร้าง ความบานสะพรั่งของสวนกุหลาบ Roseto di Roma Dolce Bacio ที่ตั้งอยู่ในเมืองที่เขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมนี้มีประกายหวานจากแอปริคอตในแสงแดด และกลิ่นหอมควันเข้มของพิมเสนจากอินโดนีเซีย เสริมทัพด้วยกุหลาบดามัสกัสจากตุรกีที่ทั้งทรงพลังและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน

“นี่คือกลิ่นที่สะท้อนถึงแม่ของฉัน ผู้หญิงที่มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนในตัวเอง เป็นลักษณะของผู้หญิงในตระกูล Fendi ทุกคน” กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi

Casa Grande: Adele Casagrande Fendi
สุคนธกร: Quentin Bisch

Casa Grande คือกลิ่นหอมต้นกำเนิดและความสำเร็จที่กรั่นกรองจากความรู้สึกของ Adele Casagrande Fendi ผู้เป็นดั่งเสาหลีกของครอบครัว กลิ่นหอมแห่งราชวงศ์ รากฐานแห่งความสำเร็จ เข้มข้นราวกับหนัง และอบอุ่นราวกับขนสัตว์ ผลผลิตที่รวบรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเฟนดิเอาไว้ด้วยกัน ตั้งแต่กลิ่นหอมจากมดยอบโซมาเลีย (Somali myrrh) อันเผ็ดร้อน ความกลมกล่อมและความเย้ายวนของอำพัน ความนุ่มนวลของเชอร์รี่ชวนหลงใหล และความอ่อนหวานของหนังวานิลลา ปิดท้ายด้วยถั่วตองก้าที่สร้างสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและสัมผัสแห่งพลังของเมซงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"การจินตนาการถึงห้องทำงานหนังในอิสตันบูลสำหรับน้ำหอมCasa Grande เป็นวิธีหนึ่งในการระลึกถึงรากเหง้าของครอบครัวและเป็นการสดุดีผู้ก่อตั้ง."  กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi

La Baguette: the twins Tazio and Dardo Vascellari Delettrez Fendi
สุคนธกร: Anne Flipo

ความบริสุทธิ์ในวัยเด็กของฝาแฝด Tazio และ Dardo บุตรชายของ Delfina Delettrez Fendi ถูกส่งผ่านกลิ่นหอมของ La Baguette ชูโรงด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ไอริสที่มีความเป็นแป้งจากฝรั่งเศส พร้อมกลิ่นหอมวานิลลามาดากัสการ์ที่มอบให้ซึ่งสัมผัสของความหวานชวนหลงใหล พร้อมปิดท้ายด้วยสัญญะแห่งความสุขุม เย้ายวน และนุ่มนวลในเวลาเดียวกันของหนัง

"ฉันตั้งครรภ์ตอนที่ออกแบบกระเป๋า Baguette มันเป็นชิ้นงานที่จะไม่เสื่อมไปตามกาลเวลาและจะถูกเชื่อมโยงกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่เสมอ." กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi

สำหรับผู้ที่สนใจในกลิ่นหอมชวนหลงใหลของคอลเลคชั่นน้ำหอมเอดิชั่นแรกทั้ง 7 นี้ สามารถร่วมรับชมความวิจิตรแห่งสุคนธกรของเมซงได้แล้ววันนี้ที่บูติค Fendi และที่ fendi.com ได้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป

รูปภาพจาก: Fendi

อ่านบทความเพิ่มเติม: Jo Malone London เผยโฉมคอลเลคชั่นน้ำหอมระดับลิมิเต็ดเอดิชั่น Blossoms Collection

RECOMMENDED READS