Cover Story: สัมภาษณ์พิเศษกับ ซี พฤกษ์ พานิช นักแสดงมากความสามารถจากซีรี่ส์ Boy Love
Author: Pimpichaya Chaikittiporn | Photographer: Somkiat Kangsdalwirun
Mar 11, 2025
"...ในช่วงปีหลังๆ กระแสซีรีส์ Boy Love เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ‘ซี พฤกษ์ พานิช’ ก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักจากซีรี่ส์ Boy Love อย่างเรื่อง ‘นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ’ (Cutie Pie) ซี พฤกษ์ เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีกระแสอยู่เสมอและเป็นที่รักของคนจำนวนมากที่พร้อมสนับสนุนเขา วันนี้ทาง #legend_th ได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับนักแสดงหนุ่มคนนี้..."
เริ่มต้นเส้นทางบนถนนสายบันเทิงจากการเป็น ‘พิธีกร’ สู่โอกาสในการเป็นนักแสดง
“ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของผมก็คงจะเป็นงานพิธีกรในช่องยูทูปของ DoMunDi TV หลังจากนั้นผมก็เริ่มมีงานแสดงเข้ามา และก็ได้รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง WHY R U The Series ผมคิดว่าการเปลี่ยนบทบาทจากพิธีกรมาเป็นนักแสดง สิ่งที่ได้มาคือ ‘ความมั่นใจ’ เพราะถ้าผมไม่เคยผ่านงานพิธีกรมาก่อน ช่วงที่เราแสดงละครครั้งแรก คงจะไม่มีความมั่นใจในการอยู่หน้ากล้องขนาดนั้น นอกจากนี้การได้คุยกับผู้คน สัมภาษณ์หลายๆคน และ ได้คุยกับเพื่อนๆ ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เห็นสิ่งต่างๆรอบตัวเรามากยิ่งขึ้น ทำให้เราได้นำมาปรับใช้กับการแสดง”
ในฐานะการเป็นนักแสดง เขาคิดว่าซีรี่ส์ Boy Love ทำให้คนในสังคมรับรู้และเข้าใจกับความรักในรูปแบบต่างๆ และ ช่วยเพิ่มการยอมรับในสังคมมากขึ้น
“ในฐานะที่ผมเป็นนักแสดง และได้เล่นซีรี่ส์ประเภท Boy Love ผมรู้สึกได้ว่า คนในสังคมเริ่มตระหนักถึงเรื่องการยอมรับความรักในรูปแบบต่างๆได้มากขึ้น..ความรักมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศชายต้องคู่กับเพศหญิงเท่านั้น แต่ความรักมันขึ้นอยู่กับคนสองคนต่างหาก ถ้าคนสองคนรักกันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นเพศไหน ก่อนที่ผมจะมาเป็นนักแสดง ผมก็ไม่เคยปิดกั้นเรื่องเพศอยู่แล้ว พอซีรี่ส์ Boy Love เริ่มมีกระแส ช่วงหลังๆ มานี้ผู้คนในสังคมก็เปิดกว้างเรื่อง LGBTQ+ มากขึ้น และ ยอมรับได้มากขึ้น ซึ่งผมถือว่ามันเป็นสิ่งที่ดี จนตอนนี้การสมรสเท่าเทียมก็ถูกกฎหมายแล้วในประเทศไทย”
การทำงานในวงการบันเทิงไม่ได้มีเพียงแค่การแสดง ‘ความสนุกและความรักในสิ่งที่ทำ’ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ
“สำหรับผมแล้วสิ่งที่ผมยึดถือในอาชีพการเป็นนักแสดงและศิลปินมาตลอดคือ ความสนุกและความรักในสิ่งที่ทำ เพราะถ้าเราไม่รักในสิ่งที่ทำ เราก็อาจจะรู้สึกว่า ‘นี่เรากำลังทำอะไรอยู่? เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร? และสุดท้ายก็จะมีความรู้สึกเหนื่อยและท้อ ในทางกลับกันถ้าเรารักในสิ่งที่เราทำ ต่อให้เราเจออุปสรรคและปัญหา เราก็พร้อมที่จะแก้ไข..และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในทุกๆอาชีพ ไม่มีหรอกว่าการทำงานจะราบรื่นเสมอไป ต้องมีวันที่เหนื่อยบ้างท้อบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเราจะผ่านไปได้เสมอถ้าเรารักในสิ่งที่ทำและตั้งใจทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด”
ผลงานซีรี่ส์เรื่องล่าสุด ‘ข้ามฟ้าเคียงเธอ (The Next Prince)’ เป็นการถ่ายทำที่เต็มไปด้วยความประทับใจ
“The Next Prince เป็นซีรี่ส์ที่ค่อนข้างถ่ายทำนานมากๆครับ ด้วยโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่ สถานที่ในการถ่ายทำก็อลังการมาก ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์แนวแฟนตาซี ทุกองค์ประกอบเราต้องทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์สุดยิ่งใหญ่ของทางค่าย DoMunDi เลยครับ พี่อ๊อฟ ผู้กำกับ ทีมงาน และ นักแสดงทุกๆคน ตั้งใจกับโปรเจกต์นี้มากๆ สำหรับตัวผมเอง ในฉากต่อสู้ทางกองถ่ายได้ใช้กล้องถ่ายทำที่ผมประทับใจมาก เป็นกล้องที่ถ่ายสวยมากๆ อยากให้ทุกคนได้เห็นจริงๆ ผมได้ไปถามกับกองถ่ายว่า ‘ทำไมเราไม่ใช้กล้องนี้ถ่ายทุกฉากไปเลย ภาพสวยขนาดนี้’ และผมก็ได้รับคำตอบกลับมาว่ามันเป็นกล้องที่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าจะให้ใช้ทุกฉากก็คงจะไม่ไหว ส่วนใหญ่กล้องนี้จะใช้กับการถ่ายทำที่โปรดักชันใหญ่ๆ อย่างหนังฮอลลีวูดหรือมิวสิกวิดีโอของศิลปินเคป๊อป ผมยิ่งประทับใจในความตั้งใจของทีมงานที่อยากทำให้เรื่องนี้ออกมาดี และ ตอบแทนแฟนคลับทุกคนด้วยผลงานที่มีคุณภาพ”
จาก นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ’ (Cutie Pie) สู่ ข้ามฟ้าเคียงเธอ (The Next Prince) ซี พฤกษ์ รู้สึกว่าเขาได้เติบโตอย่างมากในฐานะนักแสดง
“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้างจาก Cutie Pie ในบทบาท เฮียเหลียน ผมรู้สึกว่าผมได้ผ่านอะไรมาหลายอย่างมากๆ จากบทบาทการเป็นนักแสดง เราได้ผ่านมาเกือบทุกอย่างทั้งเรื่องการแสดง การร้องเพลงประกอบละคร และก็ได้พบเจอผู้คนจำนวนมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าเราโตไวมากๆเลยจากวันแรก ผมได้พัฒนาตัวเองทุกๆครั้งเวลาได้รับโอกาสใหม่ๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมพัฒนาได้คือการได้เจอเพื่อนในวงการ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ บางทีการพูดคุยกับคนที่ทำงานอาชีพเดียวกัน เราจะได้เปิดโลก เห็นมุมมองใหม่ๆที่เราสามารถนำกลับมาปรับใช้ได้ เรียกได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครับ และเราก็รู้สึกว่าเรายังเติบโตไปได้อีกเรื่อย ๆ”
แม้จะเคยผ่านการร้องเพลงประกอบซีรี่ส์มาบ้างแล้ว แต่ ซี พฤกษ์ ก็มีความไม่มั่นใจในการร้องเพลง แต่เขาก็ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองมาตลอด จนได้ออกซิงเกิลแรก
“ด้วยความที่ผมเป็นนักแสดง และต้องออกอีเวนต์ต่างๆเยอะมาก และในแต่ละงานก็ต้องมีให้แสดงความสามารถพิเศษ ผมยอมรับเลยว่าตอนแรกผมไม่มีอะไรที่จะมาแสดงได้เลย ให้เล่นเครื่องดนตรีผมก็เล่นไม่เป็น ก็เลยเลือกร้องเพลง เพราะคิดว่าคงจะฝึกฝนได้ ผมเลยตัดสินใจฝึกซ้อมอย่างจริงจัง สถานที่ฝึกซ้อมที่แรกของผมคือ ห้องอัดเสียง ฝึกซ้อมกับโปรดิวเซอร์ และผมก็ได้ฝึกร้องเพลงหลากหลายแนว เวลาได้ขึ้นแสดงในอีเวนต์ผมก็เก็บคำวิจารณ์ต่างๆมาพัฒนาทักษะการร้องเพลงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และได้มีโอกาสอัดเพลงประกอบซีรี่ส์ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีความมั่นใจเรื่องการร้องเพลง ผมก็พยายามฝึกฝนเท่าที่จะทำได้ จนได้ออกซิงเกิลแรก Super Secret ที่ได้พี่แอ้ม อัจฉริยา มาแต่งเพลงให้ และพี่ นาว วง Mirr ทำดนตรีให้ ผมพยายามใส่ความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปในเพลง ผมรู้สึกว่าผมต้องพัฒนาไปอีกและมีแพลนที่จะออกซิงเกิลใหม่ไปเรื่อยๆ ตอนนี้การร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่ผมรัก และ หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบผลงานของผมนะครับ”
อีกหนึ่งความท้าทายคือการเป็น CEO ของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น ‘SUPER SUN’
“ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของแบรนด์ คือ สนุกแต่ก็มีความกดดันและความรับผิดชอบที่มากขึ้นกว่าเดิมครับ ปกติแล้วเวลาอยู่หน้ากล้อง เราแค่แสดงตามบทบาทที่เราได้รับให้ดีที่สุด แล้วมีคนอื่นช่วยทำงานประสานงานต่างๆให้ พอเรามาอยู่หลังกล้อง บทบาทเป็นเจ้าของแบรนด์ทำให้เราต้องประสานงาน จัดตั้งทีมเอง พูดถึงแบรนด์ SUPER SUN ผมวางภาพลักษณ์ของแบรนด์ไว้ชัด ว่าอยากให้แบรนด์เราออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งการบริหารจัดการมันก็สนุกแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเครียดไปด้วย แต่มันก็เป็นปกตินะครับ มันไม่มีสถานที่ไหนหรอกที่จะราบรื่นได้ตลอดเวลา เราก็ต้องเจออุปสรรคและปัญหาให้ได้แก้ไขอยู่เสมอ เราก็ต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไร จัดการปัญหาเหล่านั้นยังไงแล้วก็ค่อยแก้ไขเป็นจุดๆไป ช่วงแรกๆ กดดัน หลังๆก็วางความกดดันนั้นลง ผมรู้สึกว่ามันเป็นแบรนด์เรา ผมแค่ทำในสิ่งที่อยากทำ ถ้าเจอปัญหาใหม่ๆเราก็แค่อุดรอยรั่วนั้นๆแล้วแก้ไขให้มันดีขึ้น ไม่ให้มันเกิดซ้ำอีกหรือให้มันเกิดซ้ำน้อยที่สุด ตอนนี้แบรนด์ก็เข้าที่เข้าทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด การติดต่อกับผู้คน ผมเห็นภาพในอนาคตของแบรนด์ที่ชัดขึ้น”
ซี พฤกษ์ ได้กล่าวกับ #legend_th ว่า การแสดงความรักนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ในวันวาเลนไทน์ เราสามารถแสดงความรักและเอาใจใส่คนที่เรารักได้ทุกวัน
“ผมรู้สึกว่า การแสดงความรักมันต้องแสดงทุกวันนะ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรพิเศษๆ แค่วันวาเลนไทน์ แต่เราทำทุกวันให้พิเศษได้ เอาจริงๆผมก็ไม่รู้เลยว่าการแสดงความรักของผมเป็นแบบไหน มุมมองของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป แค่การอยู่ด้วยกันหวังดีต่อกันมันก็ถือเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งแล้ว หรืออย่างการให้ของคนที่รักมันก็ชัดเจนขึ้นมาหน่อย หรือจะเป็นความห่วงใยอีกคนก็ถือเป็นอีกหนึ่งการแสดงความรักเช่นกันครับ การแสดงความรักให้กันทุกวันเป็นสิ่งที่ดีและก็น่ารักครับ แต่ก็ต้องเป็นความรักที่ไม่ทำร้ายตัวเองในขณะเดียวกันก็ไม่ทำร้ายอีกฝ่ายด้วย…อย่างที่ผมได้บอกไปว่าการแสดงความรักไม่จำเป็นต้องทำแค่ในวันวาเลนไทน์เท่านั้น และสิ่งที่ผมอยากบอกแฟนคลับผมในทุกวันก็คือ รักผมให้มากๆนะครับ และ ผมจะรักคุณกลับไปมากกว่านั้นครับผม ขอบคุณมากครับที่รักผม สำหรับผมแล้วแฟนคลับสำคัญกับผมมาก พวกเขาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผมอยากพัฒนาตัวเองในทุกๆบทบาทให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนความรักที่พวกเขามีให้ผม”
ทุกความมุ่งมั่น การไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และ ความตั้งใจในทุกบทบาททำให้เขาโดดเด่นในทุกเส้นทางที่เขาเลือก มั่นใจได้เลยว่าเส้นทางบนถนนสายบันเทิงของ ซี พฤกษ์ จะยังคงทอดยาวไปอีกไกลในอนาคต