Logo Hashtag Legend

La Dolce Vita Italian Night: ค่ำคืนแห่งมนต์เสน่ห์ที่ Castello di Bellagio

Author: Kantinan Srisan | Photographer: Courtesy of Castello di Bellagio

Oct 11, 2024

“...สืบเนื่องจากการที่ #Legend_th ได้รับเกียรติร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เหนือระดับด้านรสอาหารที่ งาน "La Dolce Vita Italian Night" ณ Castello di Bellagio ภัตตาคารสุดเอ๊กซ์คลูซีฟที่มกาด้วยความเหนือชั้นแห่งจานเด่นสไตล์อิตาเลียน วันนี้เราจึงขอรับหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดการเดินทางแห่งรสชาติสุดพิเศษในครั้งนี้ให้ผู้อ่านได้อิ่มเอมไปพร้อมๆ กัน…”

ณ ฉากหลังมากความโรแมนติกของปราสาทสง่าท่ามกลางสวนสวยในจังหวัดชลบุรี อันเป็นสถานที่ตั้งของงานเลี้ยงดินเนอร์สุดหรูหราในครั้งนี้ ที่นำเสนอออกมาภายใต้ธีม "La Dolce Vita: A Luxurious Italian Food & Wine Dinner" ทำให้ความโรแมนติกเป็นที่คาดหวังได้อย่างไม่ยากเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรยากาศโดยรวมถูกยกระดับขึ้นด้วยการบรรเลงสุดวิจิตรจากวงดนตรีสามชิ้น ทั้งไวโอลิน ดับเบิ้ลเบส และแซกโซโฟน

โดยพื้นที่ภายในได้รับการแปลงโฉมใหม่เพื่อส่งสารถึงเอกลักษณ์ของประเทศอิตาลีได้อย่างมีรสนิยม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งโต๊ะด้วยสีสันที่สดใสของธงชาติอิตาลีอย่างสีเขียว ขาว และแดง พร้อมด้วยด้วยแก้วและลังไวน์สไตล์อิตาเลียนที่บรรจุองุ่น ใบไม้สีเขียว และเลมอนเอาไว้อย่างพร้อมสรรพ

และยิ่งเมื่ออีเวนท์สุดพิเศษในครั้งนี้ยึดโยงกับเรื่องของการเดินทางแห่งรสชาติ ความประทับใจชูโรงในครั้งนี้จึงไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกเสียจาก คอร์สมื้อค่ำที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันอย่างที่สุด โดยทั้ง 6 คอร์สสุดพิเศษในครั้งนี้ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากวัตถุดิบชั้นเลิศในทุกรายละเอียด พร้อมแพริ่งร่วมกับไวน์ที่คัดสรรมาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อแต่งเติมรสชาติและประสบการณ์ให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่แขกผู้ร่วมงานจะจินตนาการถึง โดยภายในงานยังได้รับผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์มาเข้าร่วมแบ่งปันความรู้และเคล็ดลับให้กับแขกทุกท่านอีกด้วย

โดยการเดินทางในครั้งนี้ได้ถูกปูทางด้วยเมนูที่เรียกว่า Amuse Bouche หรืออาหารเรียกน้ำย่อยสุดวิจิตรที่ทางแบรนด์ได้นำเสนอออกมาเป็นทั้งหมด 3 เมนูอันได้แก่ Smoked Salmon, Dill Cream, Red Grape, Smoked Oil - สโมคแซลมอนที่เสิร์ฟคู่กับซาวครีมรสเปรี้ยวเค็มที่อัดแน่นด้วยกลิ่นหอมสมุนไพร ปิดท้ายด้วยองุ่นแดงที่ให้สัมผัสหวานสดชื่น

Scallop, Lemon Mayo – สแกลลอปที่โพชอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมเลมอนมาโยที่มีรสชาติหวานมันและความเปรี้ยวสดชื่น ฟินิชเมนูด้วยกลิ่นเลมอนที่ชวนดม เพิ่มความซับซ้อนในรสชาติ และ Octopus – ปลาหมึกที่นำไปย่าง ทาด้วยซิกเนเจอร์เกรซ เสริมรสชาติเปรี้ยวเผ็ดด้วย Capsicum puree ที่ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยเป็นการปิดท้าย

และเมื่อการโหมโรงด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยได้จบลง ก้าวแรกสู่ประสบการณ์จานพิเศษที่ลืมไม่ลงจึงได้เริ่มขึ้น โดยจานแรกได้ปรากฏโฉมในรูปแบบของ Rosso di Mazara Carpaccio – กุ้ง Rosso di Mazara จากประเทศอิตาลีที่เสิร์ฟแบบคาปาชิโอ ออนท็อปด้วยเลมอนเจลและเกรปฟรุ้ตเจล พร้อมเบิร์นด้วยไฟเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่น่ารับประทานยิ่งกว่า

Mangrove Jack – ปลากระพงแดงที่ผ่านการดรายเอจเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในเนื้อและย่างให้ได้รสชาติที่หอม เสิร์ฟคู่กับซอสจากกระดูกปลาที่มีความหอมและครีมมี่ พร้อมด้วยมูสปลาและผักที่นำไป Poached เพื่อเพิ่มเติมความเหนือระดับในทุกคำ

Ravioli Black Chicken, Truffle Sauce, Winter Truffle Slices – ราวิโอลีสตัฟด้วยไก่ดำจจากจังหวัดเชียงใหม่ที่ถูกแต่งเติมความเข้มข้นทางรสชาติด้วยการปรุงร่วมกับเห็ด เสิร์ฟพร้อมซอสแบล็คทรัฟเฟิลที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยการใช้ทรัฟเฟิลสดฝานบางๆ

Dry-aged Free-Range Duck – เนื้อเป็ดที่ผ่านการดรายเอจให้ความหอมและเข้มข้น ก่อนนำไปย่างจนหนังกรอบ เสิร์ฟคู่กับไวน์แดงและมิกซ์เฮิร์บสลัดที่เพิ่มความสดชื่น

Aus. Wagyu Striploin – เนื้อออสวากิวสตริปลอยน์ที่ย่างจนได้กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับซอสจูเนื้อ พร้อมด้วยเบบี้คอสย่างที่เพิ่มความกรอบและเข้ากันได้ดีกับรสชาติของเนื้อ

Panna Cotta – ปิดท้ายด้วยพานาคอตต้าเนื้อเนียนนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสสตรอว์เบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่สด เพิ่มกลิ่นหอมด้วยบาซิลจูสและความกรุบกรอบด้วยเมอแรงค์ ปิดท้ายด้วยความสดชื่นของไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่เอลเดอร์ฟาล์วเวอร์ซอร์เบ เป็นการปิดท้ายค่ำคืนสุดพิเศษในครั้งนี้

อ่านบทความเพิ่มเติม: The St.Regis Bangkok จับมือ Peace和 Oriental Teahouse รังสววรค์ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ตะวันออก

RECOMMENDED READS