October 1, 2024

“…Pavillon des Folies ถือเป็นโชว์แรกจาก Alessandro Michele กับทางแบรนด์หรู Valentinoในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ โดยคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์ Maximalism Style และการกลับไปสำรวจเทรนด์ยุค 70s ที่ยิ่งใหญ่ของทางเมซงอีกครั้ง นอกจากนี้โชว์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการนิยามคำว่า ‘ความงดงาม’ ในแบบฉบับที่ต่างออกไปกล่าวคือ ความงดงามนั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่เยียวยาความทุกข์จากธรรมชาติอันแปรปรวนและความไม่แน่นอนของโชคชะตา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยนำทางท่ามกลางความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคนๆหนึ่ง…”

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโชว์ใน Paris Fashion Week 2024 ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และยังเป็นครั้งแรกที่ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Alessandro Michele รังสรรค์โชว์ในคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 โดยคอลเลคชั่นดังกล่าวจะพาทุกคนดำดิ่งไปสู่การตั้งคำถามของคำว่า ‘ความงาม’ เพราะเราทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบาง ต้องเผชิญกับขีดจำกัดและความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ดังนั้น Michele จึงออกแบบโชว์นี้โดยให้นางแบบทุกคนเดินอยู่บนรันเวย์ที่เป็นกระจกร้าว พร้อมเสียงประกอบอย่างกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงชีวิตของเรานั้นเปรียบเสมือนการเดินอยู่บนกระจกที่อาจแตกได้ทุกเมื่อ ทุกย่างก้าวนั้นมีโอกาสสะดุดล้ม เรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สิ่งเหล่านี้เองทำให้เราเข้าใจถึงคุณค่าของเวลา และการเดินทางของเราบนโลกนี้จะมีความหมายอะไร ถ้าปราศจากการกำหนดด้วยเวลา ดังนั้นเวลาทั้งหมดที่เรามีอยู่จึงมีคุณค่า แม้ว่าเราจะจมอยู่กับความไร้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็ยังคงเสาะแสวงหาสิ่งที่มีค่าและความมั่นคงในชีวิตอยู่เสมอ 

ด้วยมุมมองดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดการนิยามความหมายของคำว่า ‘ความงดงาม’ กล่าวคือ ความงดงามนั้นเปรียบเสมือนสิ่งที่เยียวยาความทุกข์จากธรรมชาติอันแปรปรวนและความไม่แน่นอนของโชคชะตา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยนำทางท่ามกลางความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคนๆหนึ่ง ดังชื่อโชว์ที่ว่า Pavillon des Folies ที่คำว่า Folies ในภาษาฝรั่งเศสนั้นแปลว่าความบ้าคลั่ง แต่ทว่ายังไม่มีใครสามารถระบุความงามได้อย่างแท้จริง ด้วยธรรมชาติของมันที่ไม่อาจระบุด้วยภาษาหรือตัวอักษรได้ ความงามจึงเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมผู้ช่างฝันและกลายเป็น พลังที่แสดงถึงความไร้ซึ่งอำนาจของสิ่งต่างๆ เป็นแสงที่ปกป้องเราจากควาหม่นหมองของการไร้ความหมายและในขณะเดียวกันก็เป็นยาวิเศษที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านหุบเหวของความไม่แน่นอน

คอลเลคชั่นนี้อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Valentino โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1970 ขณะเดียวกันก็เป็นการนำความหรูหราแบบ ‘Maximalism’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Michele เข้าสู่ยุคใหม่ โดยนางแบบสวมผ้าคลุมหน้า หมวกขนาดใหญ่ ต่างหู ขนเทียม ถุงน่องสีขาว ลายจุด ลายดอกไม้ เสื้อผ้าระบายฟูฟ่อง โบว์ และ เครื่องประดับ ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์ในคอลเลคชั่นและโชว์ของเขา นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า คอลเลคชั่นนี้นำเสนอเกี่ยวกับความสุขในการแต่งตัวและการค้นหาความหมายของความงาม โดยคอลเลคชั่นนี้เป็นการหลอมลวมสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง Valentino และ Michele เขาได้พบแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ยุคทอง’ ของทางเมซง ซึ่งก็คือช่วงยุค 70 นอกจากนี้ เขายังได้หยิบยกเทรด์ในช่วงช่วงปลายยุค 60 และต้นยุค 80 มาเป็นแรงบันดาลใจในคอลเลคชั่นดังกล่าวเช่นกัน และ องค์ประกอบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ‘สีแดง’ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งเมซง

ด้วย Maximalism Style ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำให้คอลเลคชั่นนี้เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องมากมาย โดย Michele จับคู่แจ็คเก็ตเข้ากับกระโปรงลายดอกไม้และถุงน่องลูกไม้ เสื้อชั้นในสีแดงและกางเกงชั้นในไหมกับแจ็คเก็ตที่ประดับขนเทียมและผ้าคลุมหน้า หรือจะเป็นหมวกขนนกกับเดรสไหมพิมพ์ลาย โดยเขากล่าวว่านี่คือวิธีของเขาในการค้นหาความหมายของความงาม

อ่านบทความเพิ่มเติม: Paris Fashion Week SS2025: Saint Laurent เผยโฉมคอลเลคชั่น Summer 2025 พาย้อนไปสู่ยุค Yves 

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search