#legendFashionReview by มานิต มณีพันธกุล @kaimanit
ยังมีอะไรอีกบ้างที่ดีไซเนอร์ระดับตำนานผู้นี้ไม่เคยได้ทำ หรือทำไม่ได้? เพราะในฐานะแฟนแฟชั่นไทยแล้ว เรารู้กันดีว่า ชื่อของ ปู-ชำนัญ ภักดีสุข คือ หนึ่งในชื่อศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าใครก็จะต้องให้การยอมรับในทุกครั้งที่ผลงานของเขาถูกถ่ายทอดออกมาบนรันเวย์โชว์ และครั้งนี้ก็เป็นดังว่า เมื่อทุกคนได้รับทราบว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับแบรนด์ใหม่ในชื่อ 37°c Thirty-seven degrees Celsius ความสนใจกลายมาเป็นความคาดหวังที่เร่งเร้าบรรยากาศในงาน #SiamParagonBIFW2025 ดูสนุกและตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลัน

แล้วอะไรคือที่มาของแบรนด์ชื่อเก๋นี้ จะเป็นตัวเลขที่แสดงอุณหภูมิเฉลี่ยของร่างกายมนุษย์? หรือจะเป็นช่วงเฉลี่ยอุณหภูมิอากาศประจำฤดูร้อนของเมืองไทย ซึ่งไม่ว่ามันจะคืออะไร ก็ยิ่งทำให้เราทุกคนสงสัยใคร่รู้ว่าชำนัญจะหยิบเอาความชำนาญด้านใดของเขามานำเสนอ หลังจากที่ห่างหายจากรันเวย์โชว์ผลงานด้านแฟชั่นไปพักใหญ่ และคำเฉลยก็คือ Equatorial Chic ที่เขานำมาใช้ถ่ายทอดลงบนคอลเลกชันแรก “The Equator” ที่ตั้งใจเปลี่ยนสิ่งเรียบง่ายในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นแฟชั่น เชื้อเชิญให้ผู้สวมใส่ได้สัมผัสความงามที่คุ้นเคยแต่ไม่ธรรมดา กับเสื้อผ้าที่ได้แรงบันดาลใจจากเขตร้อนที่มีอัตลักษณ์

เมื่อแรกเข้าในโชว์แล้วนั้น สิ่งแรกทึ่ต้อนรับเราเลยก็คือ ความเรียบและง่ายของรันเวย์พร้อมด้วยเพลงบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่าระดับชำนัญซึ่งทำโชว์ผ่านมาแล้วทุกเซตติ้งสุดสรรสร้าง การคาดเดาว่าโชว์ใหม่ของเขาเราต้องพบเจอกับสิ่งใดจึงกลายเป็นหัวข้อสนุกทึ่ผู้ชมมักหยิบมาคุยระหว่างรอชมโชว์เสมอ
แล้วลุคแรกของโชว์ก็ปรากฎเป็นคำตอบถึงทิศทางของแบรนด์ใหม่ที่ชำนัญต้องการนำพาให้ร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเสื้อผ้าสไตล์รีสอร์ทแวร์ที่โดดเด่นด้วยวัตถุดิบเด่นอย่างผ้าลินินเนื้อดี บนโครงเสื้อหลวมโคร่งเบาสบาย ด้วยสีสันระดับที่แทบจะยกเอา personal color lab (กระแสใหม่ถูกใจเจนซียามนี้) มาสาธิตวิธีการเลือกแมทช์สีระดับมาสเตอร์ ทั้งหมดทั้งมวลกลายมาเป็นเซอร์ใหญ่และใหม่ที่ตัวเขาตั้งใจเอามาใช้สร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กับผลงานครั้งนี้ ในขณะที่แฟนคลับผลงานรุ่นแรกๆ ของเขาก็คงได้หวนรำลึกว่า ครั้งหนึ่งเขานี่แหละคือหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ช่วยสร้างกระแสมินิมัลมาแล้วตั้งแต่ยุค 90s ก่อนที่จะขยับขึ้นเป็นกูตูริเย่ร์ด้วยผลงานระดับกูตูร์กับ Flynow ในขณะที่ย้อนหลังไปไม่นาน ชายหนุ่มของชำนัญก็คงเคยตกหลุมรักกับ workwear ที่ Singha life ความสดใหม่ครั้งนี้จึงเป็นการชี้ชวนให้เราเห็นว่า ดีไซเนอร์คนดัง ผู้อยู่มาทุกยุค สร้างลุคได้ทุกแบบ Been There, Done That กับทุกสิ่ง ในวันนี้กำลังตั้งใจเดินทางต่อไปในเส้นทางใดใฟ้สมกับเป็นดีไซเนอร์ผู้ชื่นชอบการเดินทางเป็นชีวิตและจิตใจ

นอกจากความโดดเด่นเรื่องการเลือกแมทช์สีและเล่นกับโครงเสื้อปล่อยหลวมสบายอย่างเบามือบนสไตลิ่งสนุกแล้ว ทั้งโชว์อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชมทึ่บ่งบอกถึงความสุขใจทึ่ได้เห็น และยินดีกับการกลับมาในครั้งนี้ของเขาเพียงใด เพราะมันช่าง It’s so good ว่าอย่างน้อย Once In a Lifetime ทั้งเราและเขาก็ได้ร่วมเดินทางไปบนเส้นทางแฟชั่นแสนพิเศษนี้ด้วยกัน…อีกครั้ง
