“…ท่ามกลางฤดูหนาวของปารีสที่อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งศิลปะและวัฒนธรรม Le Meurice โรงแรมระดับตำนานในเครือ Dorchester Collection กลับมาเฉลิมฉลอง Dry January อีกครั้ง ด้วยการรังสรรค์ประสบการณ์อาหารและเครื่องดื่มแบบไร้แอลกอฮอล์ที่ไม่ได้เป็นเพียง ทางเลือก แต่เป็น “จุดหมายใหม่” ของศาสตร์แห่งการกินดื่มอย่างมีรสนิยม…”

ตลอดสองปีที่ผ่านมา Restaurant Le Meurice Alain Ducasse ได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับ Benoît d’Onofrio หรือที่รู้จักในชื่อ Le Sobrelier ผู้บุกเบิกแนวคิดการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ โดยที่ทั้งสองทีมมีอุดมการณ์ร่วมกัน ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบฝรั่งเศสที่มาจากแหล่งท้องถิ่น การลดของเสียให้ใกล้ศูนย์ ไปจนถึงการยกระดับเครื่องดื่ม .0 ให้มีมิติไม่ต่างจากไวน์ชั้นเลิศ

ซึ่งประสบการณ์ Dry January ในปีนี้เริ่มต้นด้วย Courge de Là เครื่องดื่มสปาร์กลิงแบบไร้แอลกอฮอล์ที่รังสรรค์จากองุ่น Chasselas บัตเตอร์นัตสควอช passion tagetes และ physalis ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้แรงบันดาลใจจากไวน์สปาร์กลิงธรรมชาติ นับเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นว่า “ความซับซ้อน” ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งแอลกอฮอล์

จากนั้น Le Sobrelier ได้ออกแบบเครื่องดื่มอีกสามชนิด เพื่อสะท้อนลายเซ็นการปรุงอาหารของเชฟ Amaury Bouhours อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Let it Beetจากการหมักองุ่น Hamburg muscat ผสาน purple shiso บีตรูต crapaudine ทับทิม และ southernwood; How Can You Mangue a Broken Heart ที่โดดเด่นด้วย green mandarin มะม่วงจากแคว้นโพรวองซ์ cascara และ fir shoot และ Random Access Memoris ที่ใช้ข้าว Camargue สีขาว ลูกพลับ chicory และเมล็ด melilot ที่ซึ่งทุกแก้วคือบทสนทนาระหว่างเวลา วัตถุดิบ และความตั้งใจ

ไม่เพียงเท่านั้น อีกหนึ่งมิติของ Dry January ถูกถ่ายทอดผ่าน Restaurant Le Dalí ซึ่งเลือกเสิร์ฟสปาร์กลิงไวน์ไร้แอลกอฮอล์จากแบรนด์ฝรั่งเศส French Bloom ตลอดเดือนมกราคม ทั้ง Extra Brut, Rosé และ Vintage 2023 cuvée ที่คัดสรรมาเพื่อจับคู่กับเมนูตามฤดูกาลของเชฟ Clémentine Bouchon อย่างละเมียดละไม พร้อมปิดท้ายด้วยบรรยากาศคลาสสิกของ Bar 228 ที่นำค็อกเทลในตำนานของโรงแรมกลับมาตีความใหม่ในเวอร์ชันไร้แอลกอฮอล์ Millenium .0 จาก French Bloom Rosé เป็นการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นปีอย่างสง่างาม โดยไม่ลดทอนความหรูหราลงแต่อย่างใด
ในโลกที่การดื่มไม่ใช่คำจำกัดความเดียวของความรื่นรมย์ Le Meurice กำลังแสดงให้เห็นว่า Dry January สามารถเป็นช่วงเวลาแห่งแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และรสชาติที่ลึกซึ้งไม่แพ้ฤดูกาลใดของปี และอาจเป็นนิยามใหม่ของ “การดื่มอย่างมีสติ” ในแบบฉบับปารีเซียงอย่างแท้จริง



