Transparent Visions
งานดิไซน์ล่าสุดที่ Hublot ร่วมมือกับ Daniel Arsham ศิลปินอเมริกันชื่อดังที่เคยร่วมงานกันมาแล้ว ถ่ายทอดพลังของสายน้ำและความโปร่งใสสู่รุ่น MP-17 Meca-10 Arsham Splash Titanium Sapphire นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่แดเนียลได้ออกแบบให้กับอูโบลท์ นำเสนอในตัวเรือนขนาด 42 มม. ออกแบบหน้าปัดเป็นรูปคลื่นน้ำที่ดูพลิ้วไหวอย่างอิสระ งานดิไซน์ที่พัฒนาจากรูปแบบหยดน้ำในรุ่น MP-16 ถ่ายทอดเส้นสายผ่านวัสดุที่ดูล้ำสมัย ไทเทเนียม แซบไฟร์และสายรับเบอร์ สะท้อนแนวคิดโบราณวัตถุในจินตนาการของแดเนียลที่มักตีความวัตถุร่วมสมัยให้ราวกับเป็นสิ่งของโบราณ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Art of Fusion จากอูโบลท์




เรือนเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน Meca-10 รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลง แต่ยังเผยให้เห็นความ งดงามเชิงวิศวกรรมผ่านหน้าปัดและฝาหลังแซปไฟร์ พร้อมการตกแต่งเฉดสีเขียว Arsham Green อันเป็นเอกลักษณ์ลงบนเข็ม ตัวเลข และ ตัวเลขบอกพลังงานสำรอง จับคู่เข้ากับสายหนังปั๊มลาย Arsham Monogram นาฬิการุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 99 เรือนเท่านั้น
Time as Architecture
โลกของงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ดูไม่น่าจะบรรจบกับศาสตร์แห่งเวลา กลับกลายเป็นความร่วมมือที่น่าจับตามอง เมื่อ Zenith จับมือ USM Modular Furniture เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษที่ผสานความประณีตของเรือนเวลาเข้ากับสถาปัตยกรรมโมดูลาร์อย่างเฉียบคม โดยถอดรหัสแรงบันดาลใจจากยุค 1960 ช่วงที่ El Primero และระบบ USM Haller ถือกำเนิด มาตีความใหม่เป็น DEFY Chronograph USM ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 37.3 มม. พร้อมขอบ 14 เหลี่ยมและสาย ladder อันเป็นซิกเนเชอร์





หน้าปัดโดดเด่นด้วยสี่เฉดสีประจำ USM ได้แก่ Green, Pure Orange, Golden Yellow และ Gentian Blue เสริมด้วยเคาน์เตอร์โครโนกราฟสามวงแบบซ้อนชั้นที่เพิ่มมิติเชิงสถาปัตย์ และดีเทลที่แฝงความสนุกสนานไว้อย่างปลายเข็มโครโนกราฟรูปบอลจอยต์จากระบบ USM Haller ผลิตจำนวนจำกัดเพียงสีละ 60 เรือน ภายในเรือนเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไก El Primero 400 ความถี่สูง 5Hz ตำนานแห่งความเที่ยงตรงพร้อมฝาหลังแซปไฟร์โชว์โรเตอร์ลายดาวอันโดดเด่น คอลเลกชันนี้ยังมาพร้อมกล่องที่ออกแบบพิเศษโดย USM เป็นการเฉลิมฉลองคุณค่า ร่วมของทั้งสองแบรนด์ ที่หลอมรวมความแม่นยำ งานช่างฝีมือ และ ดีไซน์เชิงสถาปัตยกรรมได้อย่างงดงามลงตัว
The Artisanal Spirit of Slim d’Hermès
Slim ‘Hemes Ne Brand รวบรวมเสน่ห์ของงานช่างศิลป์ไว้ในเรือนเดียว ผสานงานแกะสลักโลหะและงานเพนต์ขนาดเล็กที่ถ่ายทอดภาพแจ็กเก็ตทหารในโทนสีจัดจ้าน ผ่านการตีความใหม่โดยดิไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Daiske Nomura ตัวเรือนแพลทินัมขนาด 39.5 มิลลิเมตรโดดเด่นด้วยหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายผ้าไหมในปี 1972 ของศิลปิน Caty Latham และหนังสือเครื่องแบบศตวรรษที่ 19 ในคอลเลกชันของ Emile Hermes




เรือนเวลารุ่นลิมิติดอิดิชันจำนวน 24 เรือนนี้ นำเสนอความงามร่วมสมัยผ่านทูบิญองที่ตำแหน่ง 7 นาฬิกา ซึ่งถูกล้อมด้วยกรงลาย Lift สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของแอร์เมสที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่าง Julie Hollande และ Emile Hermes เรือนเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไก H1950T บางพิเศษสำรองพลังงาน 48 ชั่วโมง เผยให้เห็นการทำงาน อันละเอียดงดงามผ่านฝาหลังคริสตัลแซปไฟร์ และเติมเต็มความสง่างามด้วยสายนาฬิกาหนังจระเข้จากเวิร์กช้อปของแอร์เมส
Time Woven in Pattern
Seiko ได้ร่วมมือกับ PDM BRAND ดิไซน์เนอร์ไทยร่วมสมัยผู้พลิกโฉมเสื่อไทยให้เป็นงานออกแบบระดับสากล ในการออกแบบนาฬิการุ่นพิเศษเรือนแรกด้วยกัน SEIKO PROSPEX PDM LIMITED EDITION รหัส SRPMO3K ผสานความเที่ยงตรงแบบญี่ปุ่นเข้ากับเอกลักษณ์งานออกแบบของไทยอย่างลงตัว โดยนำลวดลาย Stride ลายเรขาคณิตที่นำมาทอเป็นลายบนผืนเสื่อที่ PDM ได้ร่วมออกแบบ กับ Sini Henttonen นักออกแบบสิ่งทอชาวฟินแลนด์ มาตีความใหม่เป็นลวดลายบนหน้าปัดสีน้ำเงิน Navy Blue จับคู่กับตัวเรือนSamurai ขนาด 41.7 มม. ผลิตจากสเตนเลสสตีล กันน้ำได้ 200เมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 4R35 สำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง พร้อมกระจก Hardlex ที่ทนทานต่อการใช้งาน






ความพิเศษในคอลลาบอเรชั่นครั้งนี้ได้ขยายไปถึงบรรจุภัณฑ์ โดย PDM ออกแบบกล่องรูปทรงสามเหลี่ยมที่สะท้อนแพตเทิร์น Stride พร้อมสกรีนลายและโลโก้ทั้งสองแบรนด์อย่างประณีต รุ่นนี้ผลิตเพียง 500 เรือน และวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น



