Logo Hashtag Legend

Hôtel Balzac บ้านเก่าของนักเขียนบทละคร ที่เรื่องราวเรื่องนั้นได้นำมาเล่าผ่านงานออกเเบบภายในเเละการบริการ

Author: Asst.Prof,Rewat Chumnarn | Photographer: Courtesy of Hôtel Balzac

Nov 27, 2024

"...Hôtel Balzac (โอเตล เดอ บาลซัก)’ ตั้งอยู่เลขที่ 6 บนหัวมุมพอดิบพอดีของถนน Balzac (บาลซัก) ชื่อเดียวกับตัวโรงเเรม ในเขตการปกครอง 8 ของกรุงปารีส สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวโรงเเรมได้สะดวกผ่านถนนเส้นใหญ่เส้นสำคัญชื่อ Avenue des Champs-Élysées (อเวอนู เดส์ ฌ็องส์-เซลิเซ่ย์) ถือเป็นอีกโรงเเรมสเกลกลางเก่าเเก่ของเมือง ที่มีประวัติอันยาวนาน ที่นี่เคยรับรองนักเขียน นักกวี อาร์ติสท์ คนสำคัญของโลกหลายคน รวมไปถึงยังเคยเป็นบ้านพำนักของนักเขียนนิยายเเละบทละครคนสำคัญของฝรั่งเศสชื่อว่า Honoré de Balzac (ออนอเร่ เดอ บาลซัก) โดยมีผลงานชิ้นสำคัญทำให้จดจำชื่อว่า ‘นาฏกรรมชีวิต - La Comédie humaine (ลา กอมเมดี อูเเม็งน์)’ เนื้อหาจรรโลงจิตให้คิดบันดาลภาพในหัวถึงฉากชีวิตของชาวฝรั่งเศสช่วงปี 1815 ที่เป็นยุคหลังการสิ้นอำนาจของพระเจ้านโปเลองที่ 1 ..."

ที่นี่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อไม่นานหลังจากปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ ผู้ทำหน้าที่ดูเเลงานออกเเบบใหม่ภายใต้ดีไซน์เอเจนซีนั้นชื่อ Festen Architecture รับหน้าที่ปรับปรุงเเละออกเเบบโดยนักออกเเบบภายในดูโอคนเก่งชื่อ Charlotte de Tonnac (ชาร์ล็อตต์ เดอ ตงนาก์) เเละ Hugo Sauzay (อูโก โซเซย์) ที่มักหยิบยกจิตวิญญาณของสรรพสิ่งโดยรอบมาผสานเข้ากับยุคสมัยเเบบพอดี ทั้งยังตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้สำหรับมนุษย์ผู้ใช้ในยุคปัจจุบันอย่างไม่ขวยเขิล เเละไม่เเปลกเเยกจากบริบทเดิมของตัวอาคารเเละเมืองที่ตั้งที่เป็นอยู่ ผู้เขียนสามารถเล่าเรื่องของบาลซักโดยจำเเนกออกเป็น 3 หัวเรื่อง อันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงได้ดังนี้

INTERIORS WE FASCINATE

  • คำบอกเล่าจากปากอันเเสนประทับใจของ Nicolas Egloff (นิโกลาส์ เอ็กล็อฟฟ์) - Sales and Marketing Director ของ Hôtel Balzac สื่อย้ำให้เห็นถึงบทนิยายดรามาติกที่ถูกหยิบยกมาเป็น Storytelling ในการออกเเบบพื้นที่ภายในของที่นี่ที่ว่าด้วย “ … The end of the 1930s was the end of Art Deco and Japanism, so to create a timeless, soothing atmosphere is like a shelter from the Human Comedy [a reference to Balzac’s masterpiece] …”

  • พื้นที่สาธารณะโดยรวมของอาคาร เล่าหัวเรื่องดรามาติกชีวิตชาวปารีเซียงระคนอิสระภาพภายหลังปรับเปลี่ยนระบอบการปกครอง นำความเล่าพร้อมรังสรรค์บรรยากาศของเเสงสีภายในพื้นที่สืบความมาจากบทนิยาย ‘นาฏกรรมชีวิต’ โดยนักเขียนคนสำคัญก็มิปาน

  • งานออกเเบบพื้นที่สาธารณะส่วนกลางนำเสนอด้วย Neutral tones ผ่านเส้นสายของการเจียรหินอ่อนสีขาว-ดำ ปูสลับกับการตัดเส้นเเละขอบด้วยทองเหลือง เส้นสายที่ว่าลากยาวต่อเนื่องให้เห็นเป็นเส้นทางทางเดินไปสู่ลิฟท์สัญจร เเละโถงทางเดินในเเต่ละชั้น ต่อเนื่องไปที่บานประตูสีดำของทุกห้อง เเละหากเมื่อเเม้เปิดบานเข้าสู่ห้องพักเเล้ว ก็ยังคงมีโทนสี Neutral ให้เห็นรำ่ไป สื่อสารรสนิยมอันเป็นหนึ่งไม่รองใครของชาวปารีเซียงเยี่ยงวลี “Quintessentially Parisian Way …”

  • เฟอร์นิเจอร์ทั้งประเภท Build-in เเละลอยตัวทั้งหมดรังสรรค์โดย Festen Architecture ผ่านการทำรีเสริชรูปฟอร์มเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนยุค 30s-40s ที่มีให้พบเห็นในปารีส เพื่อใช้เป็นเครื่องปรุงเเต่งกลิ่นอายความเป็นอยู่เเต่เก่าก่อนให้เป็นมนต์ขลังสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพัก

  • สืบเนื่องจากตัวอาคารเป็นอาคารเก่าทรงคุณค่า นักออกเเบบได้ปรับปรุงโครงสร้างหลักโดยยึดเเละซ่อมเเซมให้มั่นคงเเข็งเเรงดั่งเดิมภายใต้เเนวคิด ‘Soul of the Building’ พร้อมปรุงเเต่งพื้นที่ด้วยเนื้อหาดรามาติกใหม่ดังที่กล่าวไปในข้างต้น ระคนสื่อความงดงามเเห่ง ‘Parisian Aesthetic’ ในอีกเเบบรูปโฉมที่มิได้สวยเเบบตะโกนดังๆ เยี่ยงเก่าก่อน หากเเต่ยึดปรัชญา ‘Quiet Luxury’ ที่กำลังมาเเรงของยุคที่กำลังเเข่งขันกันในตลาดลักซ์ชัวรี

SERVICE DESIGN WE LOVE

  • ที่นี่ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 58 ห้อง ที่กว้างขวางพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ในเเต่ละห้องจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบาย อาทิ ระบบคีย์การ์ด อินเตอร์โฟน มินิบาร์ที่เต็มไปด้วย House-made Liqueur ให้เลือกดื่มได้เอง หรือเเม้เเต่รายละเอียดเล็กน้อยอันว่าด้วยระบบปลั๊กไฟที่ไม่ต้องเกิดการสอบถามหาอะเเดปเตอร์เพื่อเเปลงสัญญาณ 

  • นอกเหนือจากห้องเเสนสวยสะดวกสบายห้องอื่นเเล้ว ไฮไลท์ของที่นี่ยังมีให้เห็นที่ห้องพักชื่อ ‘Boudoir (บูดวาร์)’ เเปลได้ว่า ‘ห้องพักของอิสตรี’ เเละ ‘Ciel de Paris (เซียล เดอ ปารี)’ ที่สามารถเเปลได้ว่า ‘ท้องฟ้าเเห่งกรุงปารีส’ ที่เน้นงานขายวิวหอไอเฟล หนึ่งในเเลนด์มาร์กเเละอัตลักษณ์สำคัญของเมือง โดยห้องทั้งสองเเบบ จะมีระเบียงยาวล้อมรอบตัวอาคารเเบบส่วนตัว เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อาทิ ดินเนอร์ภายในห้องตรงระเบียง พร้อมกับวิวของเมืองที่ไม่มีสิ่งใดมาขัดตา

  • พนักงานฝ่ายต้อนรับของที่นี่คืออีกหนึ่งสีสันดุจหลุดออกมาจากบทละครก็มิปาน ทั้งหมดน่าดูชมตั้งเเต่ซิลลูเอทเเสนงามของยูนิฟอร์มที่ผ่านการรังสรรค์ด้วยเเพทเทิร์นชั้นสูง ตัดเย็บด้วยฝีมือช่างด้วยฝีเข็มละเมียดดุจงานโอต์กูตูร์

  • ภาษาพูดพร้อมอวัจนภาษาของพนักงาน สร้างรอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะให้กับเราทุกครั้งที่เเวะเข้ามาฝากคีย์การ์ด หรือเเวะทักทายสนทนาเเบบ Small Talk ซึ่งเรามักจะเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนารอบนั้นๆ อย่างเต็มรูปเเบบ ไม่เคอะเขิลเเละไม่เเปลกเเยกออกไปจากกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกัน

  • ร้านอาหาร ดูเเลโดยเชฟระดับมิชลินชื่อ Pierre Gagnaire บาร์เครื่องดื่ม เปี่ยมไปด้วยเเสงสีเเห่งการเฉลิมฉลองอวยชัยรสนิยมเเละไลฟ์สไตล์ของปารีเซียงเเท้ ที่นี่เปิดให้เรารีเควรซเป็น Exclusive Cocktail Masterclasses สำหรับเเขกผู้เข้าพัก

WHAT CHARM WE LIKE

  • Nicolas Egloff บอกเล่าเพิ่มเติมถึงบาลซักว่าบรรยากาศโดยรวมสุดเเสนดรามาติกทั้งหมด สื่อให้เห็นถึงการเฉลิมฉลองในยุคทองของวิถีคนเมืองในย่าน ฌ็องส์-เซลิเซ่ย์ “... The entire property has been imagined as a tribute to the golden years of the Avenue des Champs-Élysées” คำบอกเล่าดังกล่าวยิ่งชวนให้นึกถึงงานเขียน Masterpiece ของ Honoré de Balzac อีกทั้งยังเชิญชวนให้นึกถึงหนัง Midnight In Paris ที่เราอาจจะพบเจอคนดังเมื่อครั้งอดีตกาลด้วยการหลุดเข้าไปในห้วงต่างมิติ

  • โรงเเรมบาลซักตั้งอยู่ในย่าน ฌ็องส์-เซลิเซ่ย์ ที่คึกคักด้วยผู้คนตลอด 24 ชั่วโมง หากเเต่เมื่อเรากลับเข้าห้องพักภายในโรงเเรม ความเงียบสงบดุจกลับเข้าพักในบ้านของตนเองก็พลันบังเกิด

อ่านบทความเพิ่มเติม: บ้านเเสนสุขที่เปิดต้อนรับทุกคนตั้งเเต่ปี 1844 เปรียบเป็นสถานีเเห่งความสุขที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าเเห่งความน่าพิสมัยใน 7 เจเนอเรชั่น

RECOMMENDED READS