Jung Saem Mool
September 18, 2025

มาสเตอร์ จองแซมมุล (Master Jung Saem Mool) เป็น Make-Up Artist ชื่อดัง เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางคุณภาพเยี่ยม ทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มเทรนด์การแต่งหน้าแบบ Glass Skin และ Clear and Natural Makeup ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก #legend_th มีโอกาสร่วมพูดคุยกับมาสเตอร์ จึงนำเคล็ดลับ ประสบการณ์ และเทรนด์การแต่งหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปในมุมมองของมาสเตอร์ มาอัพเดทกันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านนำไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

“…ในช่วง 10 ปีมานี้ ตลาดเครื่องสำอางเปลี่ยนแปลงไปมากจนสังเกตได้เลยค่ะ สมัยก่อนแบรนด์มักอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือ Road shop แต่ปัจจุบันมีการเคลื่อนเข้าหาลูกค้ามากขึ้น เหมือนมี e-commerce มาเป็นปัจจัยหลักในการเปลี่ยนแปลง คนที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารก็มีผลนะคะ จากเดิมที่เป็นดารานักแสดงระดับแนวหน้า ในยุคนี้อินฟลูเอนเซอร์ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น ตัวลูกค้าเองก็มีการศึกษาหาความรู้ หรือค้นหารีวิวด้วยตัวเองด้วยค่ะ นับว่าเปลี่ยนไปเยอะจากแต่ก่อนมากจริงๆ…”

Jung Saem Mool

#legend_th: มาสเตอร์จองคิดว่าเทรนด์การแต่งหน้าไหนกำลังมา และเทรนด์ไหนกำลังจะหายไปบ้าง

JSM: คิดว่าวิธีการแต่งหน้าค่ะที่เปลี่ยนไป น่าจะเป็นเหมือนกันทั่วโลกที่แต่ก่อนเราเน้นการปกปิดตำหนิต่างๆ บนใบหน้า เพื่อให้หน้าเราสวยเพอร์เฟค แต่ในยุคนี้เราเริ่มปรับการแต่งหน้าให้เข้ากับตัวเองมากขึ้น ไม่ได้มุ่งจะปกปิดตำหนิเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้การเลือกโทนสีก็เปลี่ยนไปนะคะ จากเดิมที่เราโฟกัสหลายสีบนใบหน้าเพื่อให้หน้าดูสวยสดใส แต่ตอนนี้เราโฟกัสเพียงจุดเดียวบนใบหน้า เพื่อให้การแต่งหน้าโดยรวมดูกลมกลืน สบายตา และเป็นธรรมชาติมากขึ้นแทน

ส่วนอะไรที่กำลังจะหายไป ที่นึกออกคือ “แป้งอัดแข็ง” ค่ะ ที่เกาหลีใต้ตอนนี้ไม่มีใครใช้แป้งอัดแข็งแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้ใช้ และไม่เห็นมาพักหนึ่งแล้วเหมือนกัน คนหันไปใช้คุชชั่น หรือรองพื้นกันมากกว่า จนช่วงนี้ฉันมีโอกาสมาประเทศไทย และอยู่ที่สิงคโปร์เป็นส่วนใหญ่ จึงได้ใช้แป้งอัดแข็งอีกครั้ง ฉันเลยเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันน่าจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละที่มากกว่า อย่างที่เกาหลีอากาศค่อนข้างแห้ง ความนิยมใช้แป้งอัดแข็งเลยลดลง แต่ที่ไทย หรือสิงคโปร์ อากาศค่อนข้างชื้น แป้งอัดแข็งจึงยังได้รับความนิยมอยู่

Jung Saem Mool

#legend_th: ทำอย่างไรจึงจะสร้างเอกลักษณ์ในการแต่งหน้าของตัวเองได้

JSM: อย่างแรกอยากให้เริ่มที่ “ความเข้าใจในตัวเอง” ค่ะ เราต้องเข้าใจตัวเองให้มากที่สุดก่อนจึงจะดึงความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้ สำหรับคนที่ยังไม่มีความรู้ด้านการแต่งหน้ามากนัก อาจมองว่าเรื่องเหล่านี้เริ่มต้นค่อนข้างยาก ทางแบรนด์จึงพยายามสร้างสื่อการเรียนรู้ หรือสร้างพื้นฐานความรู้ด้านการแต่งหน้าออกมา ทั้งในช่องยูทูบ หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เรามีการอัพคลิปการสอน แชร์เทคนิคการแต่งหน้า และมีการพูดถึง Personal Color เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคนิคการแต่งหน้าที่หลากหลาย และแต่งหน้าออกมาได้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ที่เกาหลีบางครั้งฉันเห็นคนหาเวลามาเรียนที่อะคาเดมี 2-3 รอบ เพื่อศึกษาการแต่งหน้าโดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ เพราะถ้าเราได้เรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญสักครั้ง เราจะมีพื้นฐานที่สามารถนำไปปรับใช้กับเทรนด์การแต่งหน้าใหม่ๆ ได้อีกมากเลย

#legend_th: เมคอัพไอเท็มชิ้นไหนบ้างที่มาสเตอร์ขาดไม่ได้

JSM: Mool Cream, mist และ cushion ค่ะ จริงๆ 3 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นคอมโบที่รวมกันเพื่อเตรียมผิวก่อนการแต่งหน้า ช่วยให้ผิวของเราสวยเป็นธรรมชาติ และปกปิดอยู่ทนตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องคอยเติม ฉันจึงโฟกัสกับการทำงานตลอดทั้งวันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเมคอัพบนใบหน้า แต่พอคุยไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าฉันเลือกมาแค่เบสเมคอัพนี่นา (หัวเราะ) ขอเพิ่มอีก 2 อย่าง คือ คิ้วกับปาก ด้วยดีกว่าค่ะ ทั้ง 5 อย่างนี้เป็นสิ่งที่ฉันขาดไม่ได้เลย เพราะถือเป็นเอกลักษณ์การแต่งหน้าของฉัน

Jung Saem Mool

#legend_th: ปรัชญาการทำงานของคุณ Jung ในฐานะ Brand Founder ที่อยู่ในวงการบิวตี้มานานคืออะไร

JSM: ในฐานะ Brand Founder เราจำเป็นต้องมีปรัชญา หรือคอนเซปต์ที่เป็นหลักให้เรายึดมั่นโดยไม่สั่นคลอนไปตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่เข้ามาอย่างฉาบฉวยก่อนค่ะ พอมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีเทรนด์ใหม่ๆ เข้ามา เราจะได้รับบางจุดมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ หรือความสดใหม่มากขึ้น ซึ่งตัวปรัชญาที่เรายึดมั่นนี้เองจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ลูกค้าจะรู้สึกเชื่อมั่น และมั่นใจในแบรนด์ของเรามากขึ้น ฉันทำงานในวงการนี้มา 30 ปีแล้ว ฉันเชื่อว่าการทำงานแบบนี้ทำให้ลูกค้าชื่นชอบผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ของฉันจริงๆ ซึ่งนี่คือโอกาสที่ฉันในฐานะ Makeup Artist คนหนึ่ง ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ทั้งยังได้ส่งต่อสิ่งเหล่านั้นไปยังผู้อื่นในวงกว้าง ฉันจึงถือว่าปรัชญาที่ฉันยึดถือตลอดมานี้ เป็นไปในทิศทางที่ดีที่ทำให้ฉันภูมิใจมากค่ะ

#legend_th: จำเป็นไหมที่เราต้องรู้เทคนิคเยอะๆ จึงจะแต่งหน้าสวย

JSM: ไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะแต่ละคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ถ้าเรารู้จักรูปหน้าของตัวเอง และรับมือกับสภาพผิวได้อย่างเหมาะสม เราก็สามารถแต่งหน้าออกมาได้สวยตรงใจ รวมไปถึงการเตรียมผิวที่ดี เลือกเฉดรองพื้นที่แมทช์กับผิว รวมไปถึงการวาดลายเส้นต่างๆ บนตา คิ้ว ปาก ก็ด้วย ถ้าเรารู้ไลน์ที่ใช่ก็จะสามารถดึงตัวตนออกมาได้ดีเช่นกัน ในทางกลับกัน ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ เยอะๆ อาจต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคที่น่าสนใจ เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการแต่งหน้าของเราร่วมด้วยค่ะ

Jung Saem Mool

#legend_th: AI เข้ามามีส่วนในการแต่งหน้า หรือการสอนบ้างไหม

JSM: มีค่ะ จริงๆ ฉันรู้สึกกับ AI ในแง่บวกนะคะ เพราะปรัชญาที่ฉันยึดมั่น คือ การดึงเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมา ซึ่งเอกลักษณ์เหล่านั้นมีเยอะแยะมากมาย มันจึงเป็นข้อมูลที่เยอะมากๆ AI จึงเป็นตัวช่วยในการทำความเข้าใจบุคคลเหล่านั้นมากขึ้น ทั้งยังช่วยย่นระยะเวลา และลดความเหนื่อยของทีมงานได้มากด้วยค่ะ

#legend_th: อะไรที่ถือว่าเป็นไอเท็ม Legend ของคุณ Jung

JSM: Mool cream และ cushion ค่ะ เพราะเป็นสินค้าขายดีที่สุด (หัวเราะ) คือจริงๆ มาจากฟีดแบคแง่บวกที่ฉันได้รับมากกว่าว่าผลิตภัณฑ์ดีจริงจึงได้รับความนิยมสูง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามมา คือ mist และจากฝั่งอเมริกา เขาค่อนข้างสนใจ blusher cushion มากเลยค่ะ

“…สิ่งที่ฉันอยากทำมานานแต่เพิ่งมีโอกาสได้ทำ คือ การทำคุชชั่นในหลากหลายเฉดสีค่ะ ในตอนแรกที่ฉันทำแบรนด์ ฉันอยากให้ “ใครๆ ก็สามารถเข้ามาใช้ผลิตภัณฑ์ของ Jung Saem Mool ได้โดยไม่โดนทอดทิ้งกลางทาง” อยากให้ทุกคนมีคุชชั่นในเฉดสีของตัวเอง แต่ตอนเริ่มธุรกิจแรกๆ เรายังทำไม่ได้ จนตอนนี้ที่ฟีดแบคทั่วโลกออกมาดีมาก ฉันดีใจที่ทุกคนชอบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ฉันจึงคิดว่านี่ล่ะคือโอกาสให้ฉันเริ่มทำสิ่งที่อยากทำสักที ตอนนี้แบรนด์มีคุชชั่นมากกว่า 30 เฉดสีแล้ว ส่วน blusher cushion มี 10 สี และในอนาคตเราจะมีสีใหม่เพิ่มมาอีก เพื่อให้แมทช์กับแต่ละคนมากยิ่งขึ้นค่ะ…”

Jung Saem Mool

#legend_th: มาสเตอร์มีอะไรอยากบอกคนที่ “ไม่มีความมั่นใจ” หรือ “คิดว่าตัวเองไม่สวย”

JSM: ฉันคิดว่า ความสวย ความมั่นใจ เกิดจากความคิดของเราทั้งนั้นค่ะ มันไม่มีเกณฑ์อะไรมาวัดชัดเจนว่าคนไหนสวย คนไหนไม่สวย หรือสวยมากน้อยแค่ไหน จากประสบการณ์กว่า 30 ปี ฉันมีโอกาสได้แต่งหน้าให้กับทั้งบุคคลทั่วไป และดารานักร้อง ก็ยังเจอคนที่รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่ ฉันจึงคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ จิตใจของเราเองค่ะ ทุกคนมีความสวยเป็นของตัวเอง ถ้าเราพยายามค้นหาตัวเอง สนุกไปกับมัน จะพลาดบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือโอกาสในการพัฒนาตัวเอง เราจะค้นพบตัวตนของเราที่เรารักจากหัวใจอย่างแท้จริง เมื่อเราค้นหาจนเจอ ตอนนั้นล่ะค่ะที่ความสวย ความมั่นใจจะสะท้อนออกมาให้ทุกคนได้รับรู้เอง

อ่านบทความเพิ่มเติม: สัมภาษณ์พิเศษถึงโปรเจค Dior Gold House ผ่านเลนส์ของศรัณย์ เย็นปัญญา

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search