March 25, 2025

“…หากเอ่ยถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เเขนงงานออกเเบบในยุคปัจจุบันที่บริบทของสังคมมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเกิดสิ่งใหม่น่าสนใจขึ้นอีกมากมายให้เป็นกฏบริบทสังคมกฏใหม่ที่ต้องคำนึงถึง เเละด้วยเหตุเหล่านี้ทำใ้ห้กลุ่มนักออกเเบบต่างพยายามปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยเเละองค์ประกอบที่กล่าวถึง หากเเต่ยังคงไม่ละทิ้งอัตลักษณ์เเห่งตัวตนที่สื่อสารวิถีการออกเเบบ รูปฟอร์มเฉพาะตน รวมไปถึงซิกเนเจอร์ต่างๆ อันเป็นการยืดหยัดถึงรูปฟอร์มของเเนวคิดเชิงสร้างสรรค์อันน่าพิสมัยของสตูดิโอเเต่ละเเห่ง หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า Thonik Studio กราฟิกสตูดิโอเสกลใหญ่ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัมส์ ประเทศเนเธอเเลนด์ ผู้รังสรรค์ชิ้นงานให้เราได้เห็นไปในทุกทวีป เริ่มตั้งเเต่การรีเเบรนด์ดิ่งกรุงอัมสเตอร์ดัมส์ ไปจนถึงเมกกะโปรเจกต์ในจีน ในบทสัมภาษณ์พิเศษระหว่าง #legend_th และ Thomas Widdershoven ผู้ร่วมก่อตั้ง Thonik Studio เราได้มีโอกาสยิงคำถามพร้อมพูดคุยถึงหัวเรื่องเเนวคิดเชิงปรัญชาการออกเเบบอันเป็นเเม่เเบบของเเนวคิดหลักให้ยึดเกาะเพื่อใช้ในการรังสรรค์ชิ้นงาน เเละเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของสตูดิโอที่เขาเป็นเจ้าของ รายละเอียดลงลึกไปถึงการออกเเบบเเพ็คเก็ทตัวอักษรใหม่ให้กับโลก รวมไปถึงการวิเคราะห์พร้อมจับคู่องค์ประกอบพร้อมเเพนโทนสีสันคู่สีใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ให้ชิ้นงานของเขาเกือบทุกโปรเจกต์กลายเป็นปรากฏการณ์เชิงงานออกเเบบ (Phenomenology Perception) ให้เราได้จดจำในห้วงลึกของลิ้นชักในสมองส่วนสร้างสรรค์…”

#legend_TH:  พอจะบอกเล่าถึงปรัชญาหรือแนวทางที่คุณยึดถือสำหรับการทำงานที่ Thonik Studio ให้ฟังได้หรือไม่

TW: ที่ Thonik เราเชื่อว่าการออกแบบที่ดีต้องประกอบไปด้วยความสามารถในการแสดงออกและการจัดระเบียบที่มีแบบแผน เพราะการออกแบบไม่ใช่เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการสร้างอัตลักษณ์ ความเชื่อมโยง และสร้างความสัมพันธ์ ตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้คือเครื่องหมายกากบาทสามอันอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเดิมมาจากตราประจำตระกูลยุคกลาง แต่ได้พัฒนาเป็นสัญลักษณ์สมัยใหม่ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และกลายเป็นตัวแทนของเมืองและผู้คนในเวลาต่อมา

นี่เป็นแนวทางสำคัญผมมักจะนำมาใช้ในงานของเรา การออกแบบไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือทางการมองเห็น แต่เป็นระบบโครงสร้างที่กำหนดตัวอักษร การจัดวาง และการสื่อสาร อัตลักษณ์ที่ออกแบบมาอย่างดีควรที่จะทำหน้าที่ในการแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมไปกับเป็นกรอบที่สนับสนุนความชัดเจนและความหมาย ไม่ว่าจะทำงานกับแบรนด์ สถาบัน หรือเมืองต่างๆ เป้าหมายของเราคือการพัฒนาภาษาภาพที่ทั้งโดดเด่นและใช้งานได้จริง 

#legend_TH: งานออกแบบของคุณมักมีการใช้ตัวอักษรที่โดดเด่นและโทนสีที่สดใส สิ่งเหล่านี้มีบทบาทอย่างไรในกระบวนการสร้างสรรค์?

TW: การใช้ตัวอักษรที่โดดเด่นและสีสดใสของเราเป็นกลยุทธ์ เพราะมันช่วยให้สถาบันทางวัฒนธรรมสามารถโดดเด่นในภูมิทัศน์ที่ถูกครอบงำโดยการสื่อสารเชิงพาณิชย์ได้ ความจริงคือ 99% ของการสื่อสารด้วยภาพเป็นเชิงพาณิชย์ ทำให้มันเหลือพื้นที่น้อยมากสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร องค์กรทางวัฒนธรรม หรือสถาบันสาธารณะที่จะเป็นที่มองเห็น การสร้างแบรนด์เชิงพาณิชย์มักอาศัยสีและตัวอักษรที่โดดเด่น แต่ตัวเลือกเหล่านี้ไม่ได้สอดคล้องกับปรัชญาที่ลึกซึ้งของแบรนด์เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น IKEA อัตลักษณ์สีเหลืองและน้ำเงินที่โดดเด่นเชื่อมโยงกับมรดกของประเทศสวีเดน แต่ไม่ได้สะท้อนปรัชญาการออกแบบแบบโมเดิร์นที่ประณีตซึ่งหล่อหลอมการตกแต่งภายในของพวกเขาได้เท่าที่ควร

ที่ Thonik เราใช้พลังของสีและตัวอักษรในแบบที่เป็นตัวแทนของสถาบันที่เรากำลังออกแบบให้อย่างแท้จริง ยกตัวอย่างงานของเราสำหรับ M+ ในฮ่องกง พิพิธภัณฑ์สำหรับวัฒนธรรมภาพที่เปิดในช่วงโควิด ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบโดย Herzog & de Meuron มีภายในเป็นคอนกรีตสีเทากลาง แทนที่จะเลือกสีแบรนด์เพียงสีเดียว เราจึงสร้างระบบสีที่มีความสามารถในการพลิกแพลง จากโทนสีกลางที่หลากหลาย ตั้งแต่สีเทาไปจนถึงสีฟ้า สีเขียว และสีชมพูที่สดใส แนวทางนี้ช่วยให้มั่นใจว่าตัวอักษรสีขาวและดำยังคงอ่านได้ชัดเจนเท่ากัน และงานศิลปะแต่ละชิ้นสามารถหาสีพื้นหลังที่เข้ากันได้ภายในระบบ ผลลัพธ์คืออัตลักษณ์ที่ยืดหยุ่นแต่มีแนวคิดสูง ซึ่งสามารถโดดเด่นและดึงดูดความสนใจในการสื่อสาร หรือมีความสง่างามและเรียบง่ายเมื่อจำเป็น 

#legend_TH: คุณมีกระบวนการในการแปลงอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นภาษาทางภาพเป็นอย่างไร? เริ่มต้นจากการวิจัย สัญชาตญาณ หรือเป็นการผสมผสานของทั้งสองอย่าง?

TW: มันเป็นการผสานสองสิ่งเข้าหากันเสมอมา การวิจัยให้บริบทที่จำเป็นในฐานะที่มันทำให้เราเข้าใจประวัติของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย และความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรม แต่สัญชาตญาณคือสิ่งที่เปลี่ยนความรู้นั้นให้เป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และดูน่าสนใจ กระบวนการของเรามักเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า การศึกษาระบบนิเวศของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง และจากนั้นแปลงข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้นให้เป็นอัตลักษณ์ทางภาพที่โดดเด่นและมีวิสัยทัศน์

#legend_TH: Thonik เป็นที่รู้จักในฐานะของสตูดิโอศิลป์ที่มีสไตล์การออกแบบเชิง Conceptual คุณมีวิธีการอย่างที่ทำให้มั่นใจว่างานออกแบบของคุณสื่อสารข้อความที่ชัดเจนและมีความหมายโดยไม่สูญเสียคุณค่าทางศิลปะ?

TW: กุญแจสำคัญคือการหาความสมดุลระหว่างคอนเซปต์และฟังก์ชั่น แนวทางการออกแบบเชิง Conceptual ที่แข็งแกร่งช่วยให้มั่นใจว่าทุกการตัดสินใจในการออกแบบมีเจตนารมย์ แต่ความชัดเจนก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน เรามักจะถามเสมอว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่อยากจะสื่อสาร และเราจะใช้วิธีไหนในการบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด? วิธีการของเราหลอมรวมการทดลองอย่างเข้มงวดกับแนวทางที่มีหลักการอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อความที่ต้องการจะสื่อสารจะไม่สูญหายไปในความมากล้นเชิงศิลปะ 

#legend_TH: คุณช่วยเล่าถึงโปรเจคที่คุณเผชิญกับความท้าทายทางความคิดสร้างสรรค์ให้ฟังได้หรือไม่ และคุณมีวิธีการจัดการกับมันอย่างไร?

TW: หนึ่งในโปรเจคที่ท้าทายและทรงคุณค่าที่สุดของเราคือการออกแบบอัตลักษณ์เชิงศิลป์ให้กับ Power Station of Art ในเซี่ยงไฮ้ เป้าหมายของเราคือการสร้างภาษาภาพที่สมดุลระหว่างการพิมพ์แบบจีนและตะวันตก สะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันของโลกตะวันออกและตะวันตกที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามแต่เป็นการถ่ายทอดบริบททางสังคมที่ลึกซึ้ง แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในพลวัตอำนาจโลก

ความท้าทายอยู่ที่การผสมผสานอักษรจีนและละตินในแบบที่ให้ความรู้สึกเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง แทนที่จะให้ฝ่ายหนึ่งครอบงำอีกฝ่าย แนวทางแบบดั้งเดิมมักบังคับให้ตัวอักษรจีนเข้ามามีบทบาทกับตัวอักษรจากโลกตะวันตก หรือในทางกลับกันมันทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงลำดับชั้นมากกว่าความกลมกลืน เพื่อทำลายระบบดังกล่าว เราจึงศึกษาประวัติและโครงสร้างของการพิมพ์จีนอย่างลึกซึ้ง พูดคุยกับศาสตราจารย์ที่ CAFA ในปักกิ่ง และศึกษาวิธีการทางประวัติศาสตร์ในการผสมผสานข้อความจากทั้งสองภาษา

จุดเปลี่ยนสำคัญในโครงการนี้คือเมื่อ Simpson Tse นักออกแบบชาวฮ่องกงที่เติบโตในออสเตรเลียมาเข้าร่วมทีมกับเรา ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทั้งภาษาจีนกลางและภาษากวางตุ้งของเขา ที่ผสานเข้ากับแนวทางการใช้ตัวอักษรแบบ Thonik ของเรา ช่วยให้เราสามารถพัฒนาระบบออกแบบสองภาษาที่นำมาสู่องค์ประกอบที่กำหนดอัตลักษณ์เชิงศิลป์ได้ ตั้งแต่โลโก้ไปจนถึงรูปแบบการสื่อสารทั้งหมด

ด้วยการปฏิบัติต่อทั้งสองภาษาด้วยน้ำหนักที่เท่ากัน เราสามารถสร้างระบบตัวอักษรที่ไม่เพียงทำงานได้อย่างสวยงาม แต่มาพร้อมคอนเซปต์ที่แข็งแกร่งที่บอกเล่าได้ถึงความสมดุลทางวัฒนธรรมและการเคารพซึ่งกันและกัน โปรเจคนี้นับเป็นโครงการที่ต้องพึ่งพาการวิจัยเชิงลึก การทำงานร่วมกัน และรากฐานแนวคิดที่แข็งแกร่งนำไปสู่การออกแบบที่ทั้งมีความหมายและโดดเด่นทางภาพ

#legend_TH: คุณรักษาแรงบันดาลใจและผลักดันขอบเขตของการออกแบบในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

TW: ที่ Thonik การทำงานร่วมกันระหว่างคนหลายรุ่น หลายวัฒนธรรม และหลายสาขาวิชาเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาแรงบันดาลใจและทำให้เรามีนวัตกรรมที่ล้ำสมัย สตูดิโอของเรารวบรวมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาวิชา เพื่อให้มั่นใจว่าเรากำลังพัฒนาไปพร้อมกับสื่อ เครื่องมือ และสไตล์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

เพราะโลกของการออกแบบไม่เคยหยุดนิ่ง มันถูกหล่อหลอมโดยเทคโนโลยี วัฒนธรรม และสังคม การทำงานแบบสหวิทยาการและผู้คนที่มาจากยุคสมัยที่แตกต่างกัน ทำให้เราท้าทายมุมมองของกันและกันและก้าวข้ามแนวทางที่คุ้นเคยหรือจำเจ เครื่องมือใหม่ๆ เช่น AI กราฟิกเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ และประสบการณ์รูปแบบ interactive ช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเราก็จริง แต่กุญแจสำคัญคือการใช้สิ่งเหล่านี้ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและความคิดที่มีพื้นฐานเชิง Conceptual

มากไปกว่านั้น แรงผลักดันในการทดลองและยอมรับการเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ทำให้เรายังคงพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะตามเทรนด์ หรือกระแสสังคม เราเลือกที่จะเข้าไปศึกษาเหตุผลเบื้องหลังการออกแบบเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละโครงการไม่เพียงน่าสนใจทางภาพ แต่ยังมีความหมายและเปิดรับต่ออนาคตอยู่เสมอ

#legend_TH: ด้วยงานของคุณในด้านแบรนดิ้งและการสร้างอัตลักษณ์ คุณทำอย่างไรให้มั่นใจว่างานออกแบบที่คุณสร้างยังคงไม่ล้าสมัยและยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ในอนาคตได้?

TW: ความงามที่คงอยู่ผ่านกาลเวลาไม่ใช่เรื่องของการคงที่ แต่เป็นการสร้างระบบมากกว่าอัตลักษณ์ที่ตายตัว งานของเรามักมีระบบการออกแบบที่ยืดหยุ่นซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถพัฒนาต่อไปได้ ในขณะที่ยังคงรักษาแก่นหลักที่เป็นที่จดจำได้ การออกแบบอัตลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมควรมีความสามารถในการเติบโตและเปลี่ยนแปลงโดยไม่สูญเสียไปซึ่งแก่นแท้ที่ต้องการจะสื่อสาร เราสามารถทำสิ่งนี้ได้ผ่านการออกแบบโดยคำนึงถึงความสามารถในการขยายตัวและการพึงระลึกไว้เสมอถึงความสามารถในการปรับเปลี่ย

#legend_TH: คำแนะนำอะไรที่คุณจะบอกกับนักออกแบบหรือสตูดิโอที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ที่ต้องการสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ในโลกการออกแบบ?

TW: John Milton Cage Jr. คอมโพสเซอร์และศิลปินชาวอเมริกันชื่อก้องโลกคนนี้เคยได้รับคำถามเดียวกัน ‘จงเอาตัวเองออกการกรง’ คือคำตอบที่เขาเลือกใช้ และผมว่ามันคือคำตอบของผมเช่นกัน

ติดตามผลงานการออกแบบของ Thonik Studio ได้ที่ www.thonik.nl

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search