หลังจากยุคแห่งความรุ่งเรืองของเครื่องประดับในสไตล์อาร์ตเดโคที่โดดเด่นด้วยเส้นสายกราฟิกคมชัดได้ผ่านพ้นไป Van Cleef & Arpels ได้เลือกนำเสนอความงามในอีกรูปแบบหนึ่งในช่วงปลายทศวรรษ 1930 โดยตีความแรงบันดาลใจจากดอกไม้ขึ้นใหม่ในลักษณะที่เปี่ยมด้วยความอ่อนช้อยและพลิ้วไหว ผลลัพธ์คือ Silhouette Clip เข็มกลัดรูปดอกไม้ซึ่งเส้นทองถูกดัดให้เคลื่อนไหวราวกลีบดอกไม้จริง เกิดความสมดุลระหว่างตัวเรือนและช่องว่างอย่างงดงาม กลีบดอกไม้ประดับอัญมณีสีและเพชรส่องประกาย รับกับริบบิ้นที่โค้งอ่อนดั่งผืนผ้า ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความกลมกลืนระหว่างศิลปะอัญมณี ธรรมชาติ และแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา
ต่อเนื่องจากแรงบันดาลใจดังกล่าว เมซงได้รังสรรค์ความงามของดอกไม้ขึ้นใหม่ในรูปแบบที่ร่วมสมัยยิ่งขึ้น ผ่านเครื่องประดับที่สร้างจากกลีบเยลโลว์โกลด์แบบอสมมาตร เส้นทองโค้งเรียงซ้อนกันเป็นกลีบดอกอันอ่อนหวาน ล้อมรอบเกสรทองและเพชรระยิบระยับ ผลงานเหล่านี้ถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสวมใส่ได้หลากหลาย เช่น จี้ดอกไม้ที่ถอดแยกเป็นเข็มกลัดเดี่ยวได้อย่างสง่างาม
คอลเลกชันใหม่นี้ยังเป็นการสานต่อเส้นทางของคอลเลกชัน Flowerlace High Jewellery ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 โดดเด่นด้วยตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรที่พร่างพราวราวเกล็ดหิมะ ใจกลางดอกไม้คือมอทิฟ Fleurette อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ทศวรรษ 1920 เครื่องประดับกลีบดอกไม้โปร่งถูกสร้างขึ้นจากทองคำขาว 18 กะรัต ฝังเพชรแบบ bead-set ที่ยิ่งเปล่งประกายด้วยเทคนิค openwork ซึ่งเจาะช่องด้านหลังให้แสงลอดผ่านและสะท้อนประกายของเพชรออกมาได้อย่างเปล่งปลั่ง
ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอจี้ดอกไม้ที่เรียงลดหลั่นขนาดกันลงมา เข็มกลัดที่สามารถใช้เป็นกิ๊บติดผม หรือจี้ดอกไม้ชิ้นเดี่ยวที่อ่อนช้อยแต่ทรงพลัง ทุกชิ้นล้วนสะท้อนความตั้งใจอันประณีตของ Van Cleef & Arpels ในการนำความงามของธรรมชาติมาแปลความผ่านภาษาของอัญมณี จนกลายเป็นคอลเลกชันร่วมสมัยที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ น่าหลงใหล และน่าปรารถนาในทุกมุมมอง
