Simon Porte Jacquemus จัดแสดงนิทรรศการครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “Mythes” โดยร่วมมือกับ Galerie Chenel และ Galerie Dina Vierny เพื่อร้อยเรียงบทสนทนาอันลึกซึ้งระหว่าง “ศิลปะโบราณ ประติมากรรม และชีวิตประจำวัน” ถ่ายทอดความสัมพันธ์อันเป็นนิรันดร์ของเส้นสาย สัดส่วน และความเป็นมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน

นิทรรศการครั้งนี้เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน ผ่านแรงบันดาลใจจากเครื่องปั้นดินเผาและหินอ่อนแห่ง Olympia ที่หล่อหลอมผลงานของ Aristide Maillol ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 20 และต่อเนื่องมาถึง Jacquemus ดีไซเนอร์ผู้ตีความความงามของรูปทรงมนุษย์ผ่านเสื้อผ้าที่เรียบง่ายด้วยโครงสร้างเรขาคณิต
หัวใจสำคัญของนิทรรศการอยู่ที่ “ประติมากรรมโบราณ” จุดต้นกำเนิดของศิลปะที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่ได้สัดส่วนให้กับศิลปินทุกยุคสมัย สำหรับ Jacquemus แล้ว ประติมากรรมเหล่านี้คือแรงบันดาลใจที่หล่อหลอม “ท่วงท่าของร่างกายมนุษย์” และ “สมดุลของเส้นสาย” ในการออกแบบเสื้อผ้า

Aristide Maillol อุทิศชีวิตเพื่อแสวงหาความกลมกลืน เขาแปลงธรรมชาติให้ถ่ายทอดความงามอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ให้อยู่ในรูปสลัก สะท้อนความสงบนิ่งและความงามของธรรมชาติ เช่นเดียวกับ Jacquemus ที่ผสมผสาน “ความคลาสสิก” เข้ากับ “ความบริสุทธิ์แบบดั้งเดิม” ได้อย่างลงตัว
ทั้ง Maillol และ Jacquemus ต่างมอง “ศิลปะโบราณ” ในฐานะ “รากฐานในการสร้างสรรค์ใหม่” Maillol ใช้โบราณวัตถุเป็นแบบฝึกเพื่อรังสรรค์สัดส่วนของมนุษย์ ส่วน Jacquemus ถ่ายทอดแนวคิดนั้นผ่านเสื้อผ้าที่มี “การวัดอย่างแม่นยำ”
Jacquemus ให้ความสำคัญกับ “เรขาคณิตและความกลมกลืนของร่างกายมนุษย์” ผลงานของเขามีความเป็นประติมากรรม ทั้งการพับและจับจีบอย่างมีสัดส่วนและสมดุลอย่างประณีต ราวกับการสลักหินอ่อนในยุคกรีกโบราณ

นอกจากนี้ยังมีแรงบันดาลใจจาก “Le paysan” หรือ “ชาวชนบท” ปรากฏในทั้งสองศิลปิน อย่าง Jacquemus ถ่ายทอดผ่านเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่มีชีวิตชีวา ขณะที่ Maillol ถ่ายทอดผ่านรูปร่างมนุษย์ที่เป็นธรรมชาติและจริงใจ โดยภายในนิทรรศการ ผู้ชมจะได้สัมผัสฉากจำลองของชีวิตประจำวันในรูปแบบกวีและเชิงภาพยนตร์ ถ่ายทอดความสัมพันธ์อันละเอียดระหว่าง “รูปทรงมนุษย์” และ “ท่วงท่าศิลปะ” อย่างเป็นธรรมชาติ



