Staycation กรุงเทพ
October 14, 2025

หากคุณกำลังมองหาสถานที่สำหรับ Staycation กรุงเทพ เราอยากให้คุณลองแวะมาที่ W Bangkok โรงแรมที่ตั้งอยู่ย่านสาทร ที่พักที่หลอมรวมศิลปะ ไลฟ์สไตล์ และการพักผ่อนไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

W Bangkok เป็นโรงแรม 5 ดาวที่ตั้งอยู่กลางย่านสาทร หากใครขับรถผ่านสาทรบ่อยๆ ย่อมต้องคุ้นตากับตึกเก่าสีครีมตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังน้ำพุตกแต่งอักษร W อย่างแน่นอน เพราะอาคารหลังนั้นเป็นบ้านโบราณอายุกว่า 135 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2432 อาคารหลังนี้มีชื่อว่า The House on Sathorn ซึ่งทาง W Bangkok ทำการรีโนเวทใหม่ทั้งหมดให้กลายเป็นร้านอาหาร และบาร์สุดวินเทจ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาคุยกันหลังจากนี้ว่าภายใน The House on Sathorn มีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง

การมา Staycation กรุงเทพ ครั้งนี้ จุดประสงค์คือการหาสถานที่สำหรับพักผ่อนที่เดินทางสะดวก และตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ W Bangkok นับว่าตอบโจทย์มากทีเดียว เพราะนอกจากจะอยู่บนถนนสาทรที่ขับรถมาง่ายแล้ว ยังอยู่ใกล้กับ BTS สถานีช่องนนทรีอีกด้วย 

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีกิจกรรมหลากหลายให้เราเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ร่วมกับ The Ripple Club จัดคลาสที่น่าสนใจมากมาย อาทิ คลาสชกมวยในน้ำ และปั่นจักรยานในน้ำ ซึ่งช่วยระบบเผาผลาญได้ดีเยี่ยม ทั้งยังมีห้องอาหารหลากสไตล์พร้อมเมนูหลายชนิดให้เราเลือกชิม รวมไปถึงกิจกรรมน่าสนใจอย่าง Sound Healing ที่จัดเป็นประจำทุกวันเสาร์, Afternoon Tea แสนอร่อยท่ามกลางบรรยากาศสุดวินเทจ และ Pool Party สนุกๆ ที่จัดทุกเทศกาล

#1: A Sound Escape

สำหรับกิจกรรมแรกที่เราเข้าร่วม คือ Sound Healing เป็นการผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจขณะฟังเสียงเครื่องดนตรีกระทบกัน ในคลาสนี้ได้ Sound Healing Practicetiner คุณภาวิตา ทองเจริญ (คุณเบส) เป็นผู้ขับกล่อม คุณเบสเลือกใช้อุปกรณ์ทั้งหมด 3 อย่าง คือ Koshi Chime, Crystal Bowl และ Seed Chime ในการขับกล่อม ขณะที่เรานอนราบไปกับพื้น เสียงเครื่องดนตรีจะค่อยๆ ดังขึ้นเพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกตัวอีกทีก็ครบกำหนดเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตอนไหน แต่สิ่งที่รับรู้ได้ คือ ความรู้สึกเบาสบาย ปลอดโปร่ง และผ่อนคลาย 

ใครที่สนใจคลาส Sound Healing นี้สามารถเข้าร่วมได้ ณ​ The House at Sathorn ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 น. หากเป็นลูกค้าที่มาเข้าพัก สามารถเข้าร่วมได้ฟรี แต่ถ้าเป็นบุคคลภายนอก สามารถติดต่อที่ล็อบบี้เพื่อเข้าร่วมได้เช่นกัน

#2: A Taste of Magic

สำหรับดินเนอร์ในค่ำคืนแรก และมื้อเช้าวันถัดไป เราเข้าไปรับประทานที่ The Kitchen Table ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม ห้องอาหารนี้เสิร์ฟไลน์อาหารที่หลากหลายให้เราเลือกแบบบุฟเฟ่ต์ โดยเมนูของทั้ง 2 มื้อมีความแตกต่างกัน คือ มื้อดินเนอร์เป็น Saturday Dinner Buffet ที่แต่ละสเตชั่นมีเมนูเตรียมไว้ให้เราเลือกมากมาย เริ่มตั้งแต่สเตชั่นขนมปัง และโคลด์คัทนำเข้า เสิร์ฟพร้อมถั่ว แคร็กเกอร์ และผลไม้ ถัดเข้ามาด้านในเป็นสเตชั่นของสดที่มีทั้ง Seafood on Ice, กุ้งแม่น้ำตัวโต กั้งตัวยักษ์ ซูชิและซาชิมิที่มีให้เลือกนานาชนิด ทั้งปลาแซลมอน ฮามาจิ และปลาทูน่า นอกจากนี้ทางห้องอาหารยังมีสเตชั่นอาหารไทยสำหรับผู้ที่คิดถึงความจัดจ้านของเครื่องแดง, สเตชั่นอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงสเตชั่นอาหารจีน อาหารอินเดีย และของหวานให้เลือกอีกมากมาย

ส่วนมื้อเช้าวันถัดมา ไลน์อาหารยังคงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อยู่ แต่เปลี่ยนจากอาหารนานาชาติสำหรับมื้อหนัก เป็นสารพัดเมนูไข่ให้เราเลือกสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ พร้อมด้วยมื้อเช้าหลากหลายสัญชาติให้เราเลือกตักมานั่งกินสบายๆ รับแดดยามเช้า เคียงคู่มากับชากาแฟแก้วโปรด ที่เราประทับใจมาก คือ มีข้าวผัด ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ซาลาเปา รวมไปถึง American Breakfast และเมนูของหวานให้เราเลือกจนลายตา นับเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใส และอิ่มท้องดีจริงๆ

ห้องอาหาร The Kitchen Table เปิดให้บริการทุกวัน สำหรับมื้อเช้าตั้งแต่เวลา 6.30-10.30 น. สำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เวลา 12.00-23.00 น. 

ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า นอกจาก The Kitchen Table แล้ว W Bangkok ยังมี ห้องอาหาร Paii และ Bar Sathorn ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนด้วยเช่นกัน สำหรับห้องอาหาร Paii สามารถดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง ส่วน Bar Sathorn รอติดตามรีวิวอย่างใกล้ชิดเร็วๆ นี้ได้เลย

#review: ห้องอาหารพาย ร้านอาหาไทย ร่วมสมัยที่ยกระดับรสชาติแบบดั้งเดิมให้โดดเด่นยิ่งกว่าเคย

#3: A Touch of Calm

ปิดท้ายกิจกรรมของการมาสเตเคชั่นในครั้งนี้ด้วยการมานวด Oil Massage ที่ AWAY Spa เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนการนวดจะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามความต้องการ รวมไปถึงจุดที่ควรหลีกเลี่ยงในการนวด จากนั้นจึงเป็นการเลือกออยล์สำหรับนวด รวมไปถึงสีไฟในห้องที่เราต้องการ ในครั้งนี้เราเลือกออยล์กลิ่น Lime Lavender ที่มีความสดชื่นและนุ่มนวล ส่วนแสงไฟเราเลือกเป็นสีม่วงเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย

เราประทับใจการนวดในครั้งนี้มาก เพราะเจ้าหน้าที่ใส่ใจคอยซักถามว่าน้ำหนักมือแรงหรือเบาเกินไปไหม มีจุดไหนที่อยากให้โฟกัส หรือหลีกเลี่ยงบ้าง ทำให้เวลา 1 ชั่วโมงผ่านไปไวจนน่าตกใจ ไม่ทันไรก็นวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งออยล์ที่นวดก็ซึมเข้าสู่ผิวเกือบทั้งหมด ไม่เหนียวเหนอะหนะตัว ทั้งยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นมีกลิ่นหอมยาวนานตลอดทั้งวันอีกด้วย

AWAY Spa ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของโรงแรม อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสระว่ายน้ำ และฟิตเนส เปิดให้บริการทุกวันเวลา 9.00-21.00 น. 

ถ้าจะบอกว่า “มาที่ W Bangkok ไม่มีเบื่อเลยสักวัน” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะที่นี่เป็นโรงแรมใจกลางเมืองที่มีทั้งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นห้องพักขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การเดินทางที่เข้าถึงได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งการขับรถมาเอง หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงมีกิจกรรมให้เข้าร่วมหลากหลาย เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ Staycation กรุงเทพ ให้เราได้มาพักผ่อนเยียวยาจิตใจ ก่อนเริ่มต้นวันใหม่แบบพลังใจเต็มเปี่ยมอย่างแท้จริง

Photo Courtesy: Chayanit Nakiraks and W Bangkok

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search