
ค่ำคืนวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา OMEGA จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการเปิดตัวเรือนเวลา Aqua Terra 30 โดยมี เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข Friend of OMEGA Thailand และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ แขกคนพิเศษของแบรนด์ที่ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้ ณ กรุงโตเกียว มาแล้ว งานครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมดุสิตธานีโดยมีเซเลบริตี้ผู้หลงใหลความงามของเรือนเวลาคลาสสิกของแบรนด์เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดาว พิมพ์ทอง วชิราคม, จีจี้ ชณันภัสร์ กมลคีรีลักษณ์, นัท นัทธมน โชคจินดาชัย, เอพริล นภัสรดา กาญจนเจริญ และ เอณิ อัณณิกา จิราธิวัฒน์

ภายในงานนี้ ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ แขกคนพิเศษได้กล่าวว่า “การได้กลับมางานนี้อีกครั้งที่ประเทศไทยรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนไปร่วมงานที่เกียวโตเลยค่ะ บรรยากาศสวยงามและได้เห็นช่วงเวลาสวยๆกับวิวของกรุงเทพฯช่วงพระอาทิตย์ตกแล้วสะท้อนกับนาฬิกาที่ใส่ในวันนี้ ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ เพราะนาฬิกา Aqua Terra 30 mm เหมือนเป็นนาฬิการุ่นที่ออมรู้สึกว่าเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์ที่สวยงาม สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส ขนาดเหมาะกับผู้หญิง และสะท้อนตัวตนของออมออกมาได้อย่างดีที่สุดค่ะ”

ขนาดนาฬิกาที่เหมาะเจาะ ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปสําหรับข้อมือของสุภาพสตรี นับเป็นหนึ่งองค์ประกอบสําคัญในการเลือกซื้อเรือนเวลาของพวกเธอ เมื่อ OMEGA ได้เผยโฉมคอลเลกชันAqua Terra ในขนาดใหม่ 30 มม. นาฬิกาดีไซน์คลาสสิกที่สะท้อนความงามไร้กาลเวลาในขนาดที่เหมาะเจาะกับข้อมือของสุภาพสตรี งานออกแบบนาฬิการุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในปีนี้


คอลเลกชัน Aqua Terra ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 23 ปีก่อน เรือนเวลารุ่นนี้ได้รับวิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงรูปแบบเรื่อยมาโดยมีขนาดและดีไซน์ที่หลากหลาย ก่อนที่จะเผยโฉมในขนาด 30 มม. ที่ออกแบบมาเพื่อสุภาพสตรี เพื่อเสริมทัพให้กับตระกูล Aqua Terra ด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งหมด 12 แบบซึ่งมาพร้อมกลไกที่ออกแบบมาเพื่อนาฬิกาขนาดใหม่นี้โดยเฉพาะ Aqua Terra 30 mm ประกอบด้วยรุ่นตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลขัดเงาและขัดด้านห้าเรือน รุ่นที่ทําจากทอง 18K SednaTM Gold หนึ่งเรือน และทอง 18K MoonshineTM Gold อีกสามเรือน ปิดท้ายด้วยตัวเรือนและสายแบบทูโทน สตีลผสมทอง 18K SednaTM Gold หนึ่งเรือน สตีลผสมทอง 18K MoonshineTM Gold อีกสองเรือน

ทุกรุ่นโดดเด่นด้วยหน้าปัดสีสันสดใสไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนและสายสตีลจับคู่หน้าปัดซันเบิร์สสีน้ําเงิน ตัวเรือนและสายทอง 18K MoonshineTM Gold จับคู่หน้าปัดซันเบิร์สสีเขียว และตัวเรือนและสายแบบทูโทนสตีลและทอง 18K SednaTM Gold มาพร้อมหน้าปัดซันเบิร์สสีน้ําตาล หน้าปัดประดับด้วยหลักชั่วโมงเสริมความหรูหราในรุ่นที่ประดับด้วยเพชร พร้อมช่องแสดงวันที่ในตําแหน่ง 6 นาฬิกา ด้านหลังตัวเรือนเผยให้เห็นกลไกระดับสูงผ่านฝาหลังคริสตัลแซปไฟร์แบบเปลือย องค์ประกอบที่โดดเด่นอีกหนึ่งอย่างในรุ่นนี้คือสายที่กลมกลืนกับตัวเรือนอย่างไร้รอยต่อ ระบบสายแบบบูรณาการนี้ใช้กลไกสกรูและพินที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ OMEGA พร้อมตัวล็อกแบบบัตเตอร์ฟลาย และปุ่มกดบนฝาปิด สามารถปรับความยาวสายได้ง่ายถึง 2 มม. เพิ่มความสบายในการสวมใส่

นอกจากดีไซน์ใหม่แล้ว กลไกใหม่ล่าสุดของ OMEGA ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อเรือนเวลาในขนาดนี้โดยเฉพาะ แต่ละรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไก Master Chronometer ใหม่ 2 แบบ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 มม. ได้แก่ Calibre 8750 ที่มีความหนา3.98 มม. ในรุ่นสเตนเลสสตีลและทูโทน Calibre 8751 ที่มีความหนา 4.08 มม. ในรุ่นทอง SednaTM และ MoonshineTM กลไกทั้งสองมาพร้อม Co-Axial escapement ระบบบาลันซ์แบบ free-sprung พร้อมสปริงบาลันซ์ซิลิคอน และระบบขึ้นลานอัตโนมัติแบบสองทิศทางผ่าน การรับรองมาตรฐาน Master Chronometer ซึ่งเป็นการทดสอบที่เข้มงวดที่สุดในวงการนาฬิกา สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 15,000 เกาส์ และมีพลังงานสํารองนานกว่า 48 ชั่วโมง กลไกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่นับเป็นหัวใจสําคัญของนาฬิการุ่นนี้ ดังเช่นที่ Raynald Aeschlimann ประธานและซีอีโอของโอเมก้าได้กล่าวถึงกลไกที่ได้รับการพัฒนานี้ขึ้นใหม่เอาไว้
“สิ่งที่สวยที่สุดของเรือนเวลาคือสิ่งที่คุณไม่อาจเห็นได้ในทันที กลไกใหม่ของเราแสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดด้านวิศวกรรมของ OMEGA ที่แม้จะซ่อนอยู่ แต่กลับนิยามตัวตนของนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์“