ปิดฉากลงอย่างสวยงามสำหรับ Milan Fashion Week ซีซั่น Spring/Summer 2026 ที่เรียกความสนใจจากทุกสายตา บางแบรนด์เลือกกลับไปสำรวจรากเหง้าของตนเอง บางแบรนด์ได้ทดลองเส้นทางใหม่ๆ และบางแบรนด์ก็กล้าที่จะหักล้างนิยามดั้งเดิมของตัวเอง ตอกย้ำให้เราเห็นว่า “แฟชั่น” ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ สมกับตำแหน่งเมืองศูนย์กลางแห่งแฟชั่นระดับโลกของมิลานได้เป็นอย่างดี
Earth-Tone Minimalism
Tod’s ถ่ายทอดความสง่างามในแบบอิตาเลียนผ่านโทนเอิร์ธที่อบอุ่นและการเลเยอร์สีแบบ tone-on-tone ทำให้คอลเลกชันนี้เป็นการเฉลิมฉลอง “เรียบง่ายที่ลึกซึ้ง” ด้าน Max Mara ก็หยิบเอาคอนเซ็ปต์ Modern Rococo มาตีความอย่างสดใหม่ พร้อมพาเลตสีเอิร์ธโทนอบอุ่น ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่ทั้งแข็งแรงและละเมียดละไมในเวลาเดียวกัน
Colorful Vibrant
Versace ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Dario Vitale ที่เดบิวต์ซีซั่นนี้ มอบรันเวย์ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความสดใหม่ ด้วยเสน่ห์การเล่นเลเยอร์สีสันและลายพิมพ์แบบจัดจ้าน ท้าทายสายตา ส่วน Prada ก็นำเสนอลูกเล่นด้วยการซ้อนเลเยอร์และการจับคู่สีฉูดฉาดที่คาดไม่ถึงแต่ออกมาลงตัว
Flowing Free
แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นสายที่เป๊ะและคมกริบอย่าง Sportmax ได้เปิดตัวคอลเลกชัน “In Lightness & Motion” ที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อย ด้วยการเลือกนำเสนอเสื้อผ้าที่โปร่งเบา พริ้วไหวอย่างอิสระ แต่ยังคง DNA ความเป็นสปอร์ตแวร์ของแบรนด์ได้อย่างกลมกล่อม
ด้าน BOSS ก็เปิดตัวคอลเลกชัน “Paradox” ที่น่าจับตา ด้วยตัวแบรนด์ที่มีรากฐานจาก Power Tailoring และภาพลักษณ์ความเนี้ยบเป๊ะ การเลือกนำผ้าที่พลิ้วไหวมาร่วมออกแบบในซีวั่นนี้ ทำให้ BOSS ก้าวพ้นจาก “สูตรสำเร็จ” ของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ
Fringe Fantasy
Ferragamo ย้อนเวลากลับไปหาแรงบันดาลใจจากยุค Roaring Twenties ถ่ายทอดผ่านรายละเอียดพู่ระย้า ตั้งแต่ชายกระโปรงไปจนถึงกระเป๋า ส่วน Giuseppe Di Morabito ก็ยังคงเอกลักษณ์ด้านความหรูหราเจิดจรัส ด้วยงานคริสตัลและไข่มุกที่ปักระย้าประดับอย่างวิจิตรบนผืนผ้า ชวนให้รันเวย์กลายเป็นเสมือนงานศิลป์
ที่น่าสนใจคือ Bottega Veneta ที่นำเสนอผลงานเดบิวต์ของ Louise Trotter ที่โดดเด่นด้วยการหยิบใช้วัสดุรีไซเคิลอย่าง Fiberglass มาสร้างเป็นขนเฟอร์สีสันสะดุดตา มอบมิติที่แปลกใหม่ พร้อมสะท้อนแนวคิดด้านความยั่งยืน
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:
