Logo Hashtag Legend

Milan Fashion Week SS2025: Gucci Spring/Summer 2025 คอลเลคชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาอาทิตย์ลับขอบฟ้า

Author: Pimpichaya Chaikittiporn | Photographer: Courtesy of Gucci

Sep 25, 2024

“...ช่วงเวลาแห่งพระอาทิตย์อัสดงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการค้นคว้าโอกาสและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ตามแนวคิดของ Sabato De Sarno ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Gucci ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์คอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 ที่มีชื่อว่า “Casual Grandeur” โดยคอลเลคชั่นดังกล่าวเปิดตัวที่ Triennale Milano พิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดัง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2024 ในสัปดาห์แฟชั่น ณ กรุงมิลาน นอกจากนี้คอลเลคชั่นนี้ยังถือเป็นบทกวีที่บันทึกช่วงเวลาอันแสนสั้นและสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กำหนดแก่นแท้ของการใช้ชีวิต…”

จบไปแล้วกับสัปดาห์แฟชั่น ณ กรุงมิลานประจำปี 2024 (Milan Fashion Week 2024) โดยแต่ละแบรนด์ต่างเผยโฉมคอลเลคเลคชั่น Spring/Summer 2025 พร้อมกับคอนเซปต์ที่น่าสนใจ และหนึ่งในโชว์และคอลเลคชั่นจากแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่ผู้คนต่างตั้งตารอคอยคือ ‘Gucci’ แบรนด์หรูที่ถือกำเนิดเมื่อปี 1921 ณ กรุงฟลอเรนซ์ ในครั้งนี้ Sabato De Sarno ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบันของทางแบรนด์ ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนอีกครั้งโดยการเผยโฉมคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 ภายใต้แรงบันดาลใจจากช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในปลายเดือนสิงหาคม เขากล่าวว่า “ช่วงเวลาที่แม่นยำ ช่วงเวลาที่จะคว้าและใช้ชีวิตให้เต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงเวลาที่เราค้นพบตัวเองแล้ว” ซึ่ง Sabato De Sarno ถือเป็นผู้ที่เปลี่ยนทิศทางใหม่ของแบรนด์อย่างแท้จริง 

โดย Sabato De Sarno เลือก Triennale Milano พิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดัง ในการเผยโฉมคอลเลคชั่นนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงคุณค่าทางวัฒธรรมของแบรนด์กับความมุ่งมั่นของพิพิธภัณฑ์ การบูรณาการศิลปะ การออกแบบ สถาปัตยกรรมและมุมมองสมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นทางเดินที่สว่างไสว มีการใช้สีส้มและสีแดงเพื่อสื่อถึงสีสันของพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้า พร้อมให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาที่ Sabato De Sarno ตั้งใจจะจับภาพ เขากล่าวว่า "ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา คอลเลคชั่นนี้แสดงถึงการเดินทางที่ประสบความสำเร็จในการรังสรรค์ ผมได้คิดไอเดียสำหรับกุชชี่ครั้งแล้วครั้งเล่า Casual Grandeur เกิดขึ้นจากความหลงใหลของผม” ความหลงใหลเหล่านี้แสดงให้เห็นจากการผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาในการตัดเย็บในยุค 1960 ขณะเดียวกันเขาก็สำรวจมรดกอันยาวนานของทางแบรนด์ต่อไป

การตัดเย็บถือเป็นหัวใจสำคัญของคอลเลกชันของ Sabato De Sarno ซึ่งผสมผสานความทันสมัยและความคาลสสิคได้อย่างลงตัว คอลเลกชั่นนี้ประกอบไปด้วยกางเกงขายาวที่ออกแบบมาเพื่อสวมใส่กับรองเท้าผ้าใบ และโทนสีประกอบด้วย ‘Gucci Rosso Ancora’ เฉดสีแดงสีใหม่ที่ Sabato De Sarno รังสรรค์ขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใช้  สีเทา สีขาว สีเขียว และสีส้ม เพื่อแสดงความเคารพต่อความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงแจ็คเก็ต กระโปรงทรงเอ และเสื้อโค้ท ล้วนตกแต่งด้วยโมโนแกรม GG เพื่อแสดงฝีมือการตัดเย็บเสื้อผ้ากูตูร์ และวัสดุในการตัดเย็บที่ขาดไม่ได้ คือ ‘หนัง’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น และถือเป็น DNA ของทางแบรนด์มาอย่างยาวนาน  ไฮไลท์ของคอลเลคชั่นนี้คือกระเป๋า Gucci Bamboo 1947 ที่ได้รับการปรรังสรรค์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้ย รวมถึงการร่วมมือกับศิลปินชาวญี่ปุ่นที่เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของ Gucci ในญี่ปุ่น

โดยโชว์ของคอลเลคชั่นนี้ เน้นย้ำถึงมรดกตกทอดของกุชชี่ ตั้งแต่เครื่องประดับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไม้ไผ่และกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงลวดลาย Horsebit รวมถึงผ้าโพกศีรษะที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดย Gucci Flora และคอลเลคชั่นนี้ยังแสดงความเคารพต่อความสง่างามเหนือกาลเวลของทางแบรนด์ ด้วยชื่อคอลเลคชั่น “Casual Grandeur” ที่ยังสานต่อมรดกของทางแบรนด์ไว้โดยผสมผสานอดีตและปัจจุบัน แฟชั่นชั้นสูง และ เสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน เข้ากับการเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่สมบูรณ์อย่างช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง ช่วงเวลาแห่งการไขว้คว้าโอกาสและแก่นแท้ของการใช้ชีวิต

อ่านบทความเพิ่มเติม:  Milan Fashion Week 2024: เฉลิมฉลองแก่นแท้ของความงามแบบอิตาลีผ่านคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 ของ Dolce & Gabbana

RECOMMENDED READS