Milan Fashion Week SS2025: รวมไฮไลท์โชว์และคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 สุดตระการตา

“...จบไปแล้วกับมิลานแฟชั่นวีค (Milan Fashion Week) ประจำฤดูกาล Spring/Summer 2025 ซึ่งในสัปดาห์แฟชั่น ณ กรุงมิลานครั้งนี้ หลายแบรนด์ได้เผยโฉมคอลเลคชั่นและคอนเซปต์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก วันนี้ ทาง #legend_th ได้รวบรวมโชว์สุดประทับใจจาก 8 แบรนด์มาให้ชมกัน…” 

Moschino 

^{รูปภาพจาก Moschino}

เริ่มต้นกับแบรนด์แรกอย่าง มอสคิโน (Moschino) ซึ่งทางแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นโดยการรังสรรค์เสื้อผ้าแบบใหม่ที่ท้าทายกับบรรทัดฐานแฟชั่นแบบเดิมและผสมผสานอารมณ์ขันเข้าไปในคอลเลคชั่นต่างๆ และในคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 นี้ มีชื่อว่า Collezione 02 ภายใต้การรังสรรค์ของผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนปัจจุบัน Adrian Appiolaza ยังคงรักษาวิสัยทัศน์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างแน่วแน่ โดยโชว์เน้นยำถึงความสนุกสนาน อาทิ การนำเสนอเดรสขนาดโอเวอร์ไซส์ที่มีตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือคำว่า “THINK” ที่ขอให้ทุกคนตั้งคำถามกับชีวิต และนอกจากนี้  Appiolaza ยังแทรกความสง่างามด้วยลุคสีดำล้วน ที่โดดเด่นไปด้วยชุดรัดตัวประดับมุก รวมไปถึงชุดเดรสติดสแตมป์ และ เครื่องประดับรูปหน้ายิ้ม และเสื้อที่เขียนคำว่า “GET HAPPY” ปิดท้ายโชว์ในครั้งนี้ เพื่อปลุกความขบขันของผู้ชม 

Max Mara  

^{รูปภาพจาก Max Mara}

ต่อกันที่แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลีอย่าง Max Mara ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นชั้นสูงของฝรั่งเศส โดยใช้วัสดุชั้นเยี่ยมและนวัตกรรมตัดเย็บที่ทันสมัยผ่านงานดีไซน์ที่เรียบง่าย โดยในมิลานแฟชั่นวีคครั้งนี้ ทางแบรนด์ได้นำเสนอคอลเลคชัน Spring/Summer 2025 โดยคอนเซ็ปต์ครั้งนี้ทางแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต อย่าง ‘ไฮพาเทีย’ โดยการนำหลักคณิตศาสตร์ อย่าง พีธาโกรัสมาเป็นแก่นของเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ โดยเสื้อผ้าแต่ละชุดในคอลเลคชั่นดังกล่าวจะมีสามเหลี่ยมเป็นดีไซน์หลักและนำรูปทรงเรขาคณิตมาเปลี่ยนให้เป็นโครงสร้างสามมิติ โดยโทนสีหลักของคอลเลคชั่นนี้จะเน้นไปที่ สีขาว ที่ต้องการให้เสื้อผ้าดูเรียบง่ายและมินิมอลที่สุด  

MM6 Maison Margiela

^{รูปภาพจาก MM6 by Maison Margiela}

อีกหนึ่งโชว์ที่น่าสนใจจาก MM6 by Maison Margiela แบรนด์แฟชั่นที่โดดเด่นด้านดีไซน์ที่เท่และเรียบง่ายในมิลานแฟชั่นวีคครั้งนี้ ทางแบรนด์ได้เผยคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 ที่สร้างความโดดเด่นภายใต้แสงไฟสลัวๆผ่านควันหมอก โดยคอลเลคชั่นดังกล่าวโดดเด่นด้วยการใช้สีขาวไทเทเนียมและภาพโครงร่างของเสื้อผ้ายังชวนให้นึกถึงการดีไซน์ของแบรนด์ในยุคแรกๆ และในช่วงท้ายของโชว์ นางแบบมาในลุค เสื้อกล้ามที่มีลักษณะคล้ายกับถุงพลาสติกช้อปปิ้งที่มีรอยยับ และ สวมกางเกงยีนส์ขาดๆ กับเครื่องประดับสีทองขัดเงา ซึ่งอาจจะตีความได้ว่าคอลเลคชั่นนี้เป็นการโต้แย้งต่อ Fast Fashion และ the counterfeit culture 

Ferragamo 

^{รูปภาพจาก Ferragamo}

Ferragamo ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำทางแฟชั่นระดับโลกมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความยึดมั่นในหลักการของแบรนด์มาโดยตลอด คือการอุทิศตนเพื่องานฝีมือของช่างอิตาเลียน ทำให้ทางแบรนด์รังสรรค์งานที่มีคุณภาพสูงและความประณีตด้สนการตัดเย็บ ซึ่งในคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 นี้ ทางแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 80 ที่นำมาตีความใหม่ให้ทันสมัยสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน ภายใต้การรังสรรค์ของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบันอย่าง Maximilian Davis โดยคอลเลคชั่นนี้เน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างเครื่องแต่งการแบบสปอร์ตที่เบาสบายกับการตัดเย็บที่ประณีตอันเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ นอกจากนี้เครื่องแต่งกายในคอลเลคชั่นดังกล่าว ยังโดดเด่นไปด้วยการใช้สีเอิร์ธโทนและเลเยอร์ที่ซับซ้อนแต่งดงาม

Tod’s

^{รูปภาพจาก Tod's}

แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลี ‘Tod’s’ ที่โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุหนังที่มีคุณภาพสูง นำเสนอคอลเลคชั่น  Spring/Summer 2025 ที่แสดงถึงความสง่างามและความเรียบง่ายแต่ยังคงความคลาสสิคไว้ ซึ่งได้แรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นดังกล่าวมาจากการเดินทางไปตามชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เป็นศูนย์รวมของประเพณีและความหรูหรา รังสรรค์ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่สะท้อนถึงงานฝีมืออันเป็นเลิศซึ่งเป็นเสมือนค่านิยมหลักของการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในอิตาลีและเป็นสิ่งที่ Tod’s ให้ความสำคัญมาอยู่เสมอ โดย เสื้อโค้ทที่ทุกคนคุ้นเคยจากฤดูกาลที่แล้วได้รับการรังสรรค์ใหม่ให้ยาวและหลวมขึ้น ชวนให้นึกถึงลมทะเล นอกจากนี้ โทนสีของคอลเลคชั่นดังกล่าวยังคงเป็นสีธรรมชาติ ทราย หิน บรอนซ์ นอกจากนี้ยังมีสีเขียวของทุ่งนาและสีฟ้าของท้องทะเลเพิ่มความสดใสให้ความรู้สึกสงบเรียบง่ายในขณะเดียวกันก็ให้ความหรูหรา 

The Attico

^{รูปภาพจาก The Attico}

ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่น่าสนใจ สำหรับแบรนด์สัญชาติอิตาลี ‘The Attico’ ที่มาในคอนเซ็ปต์ ‘The Sound of Breaking Glass’ ซึ่งโชว์ดังกล่าวนำประสบการณ์และอารมณ์ส่วนตัว มาตีความเป็นแฟชั่นที่เฉลิมฉลอง ความงาม และการเดินทางที่ซับซ้อนของการเยียวยาหลังจากการอกหัก ซึ่งมาจากประสบการณ์ตรงของนักออกแบบทั้ง 2 คน Giorgia Tordini และ Gilda Ambrosio โดยทั้งคู่ได้ถ่ายทอดอารมณ์ของพวกเขากับอารมณ์ความรู้สึกของการอกหักไปจนถึงขั้นตอนการเยียวยา นอกจากนี้ คอลเลคชั่นนี้มีการใช้วัสดุอย่างผ้าชีฟองและลูกไม้โปร่งแสง ชวนให้นึกถึงอารมณ์เศร้าแบะความเปราะบางภายในจิตใจ ในขณะที่นำเสนอเสื้อผ้าที่มีความแวววาวและงานปักที่เน้นดีเทลอย่างละเอียด สื่อถึงความแข็งแกร่งจากภายในที่มาพร้อมกับการเยียวยา และสิ่งที่น่าสนใจคือการประดับตกแต่งรันเวย์ ที่เน้นแสงสลัวๆ และโคมไฟระย้าแก้วอันละเอียดอ่อนนับร้อยห้อยลงมาจากเพดาน เน้นย้ำถึงความเปราะบางของหัวใจที่แตกสลาย

Genny

^{รูปภาพจาก Genny}

Genny ถือเป็นหนึ่งแบรนด์แฟชั่นจากอิตาลีที่น่าจับตามอง ภายใต้การรังสรรค์คอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนปัจจุบัน ‘Sara Cavazza Facchini’ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ผสมผสานเสื้อผ้าสำหรับตอนกลางวันเข้ากับความสบายและเสน่ห์ของเสื้อผ้าตอนกลางคืนได้อย่างลงตัว นอกจากนี้โชว์ยังมีความน่าสนใจโดยการนำงานประติมากรรมกล้วยไม้สีขาว “Geography of Desire” ซึ่งเป็นผลงานประติมากกรรมของ Marc Quinn ถือเป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ นอกจากนี้ Facchini ได้รังสรรค์เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ให้เหมาะกับสุภาพสตรี ที่เน้นความสง่างาม ความเย้ายวน อันเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการที่คอลเลคชั่นดังกล่าวเน้นย้ำเสื้อผ้ากลางวันที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดนอน เช่น กางเกงขาสั้นสไตล์ชุดชั้นใน และเดรสเชิ้ตที่มีแขนเสื้อทรงระฆัง ซึ่งตัดเย็บจากผ้าฝ้ายยับและผ้าไหมลายทาง เสื้อผ้าเหล่านี้สะท้อนถึงพลังแห่งความเยาว์วัย ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกทันสมัยและเข้าถึงได้ 

Diesel

^{รูปภาพจาก Diesel}

Diesel แบรนด์สัญชาติอิตาลี ที่ยังคงเอกลักษณ์แห่งความขบถอยู่เสมอ ในคอลเลคชั่น Spring/Summer 2025 ทางแบรนด์ได้เลือกใช้วัสดุอย่างผ้าเดนิมและไอเท็มยีนส์เป็นหลัก ภายใต้การรังสรรค์ของ Glenn Martens ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Diesel ทางแบรนด์เน้นหนักไปที่การยกระดับผ้าเดนิมโดยการใช้วัสดุเป็นผ้าแจ็กการ์ดผสมผสานไปกับการใช้เทคนิคใหม่ๆอาทิ การใช้เลเซอร์รังสรรค์เสื้อผ้า และเนื่องจากแบรนด์มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเดนิมและเคยเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นกางเกงยีนส์เอวต่ำมาก่อน คอลเลคชั่นนี้จึงหวนกลับไปใช้ผ้าเดนิมในการตัดเย็บอีกครั้ง เพื่อเป็นการย้ำเตือนความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้น และคอลเลคชั่นดังกล่าวจะทำให้ทุกคนระลึกถึงผ้าเดนิมของทางแบรนด์อีกครั้งหนึ่ง

Also See: