“…ในปีที่ประเทศไทยยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคงบนเวทีอาหารโลก MICHELIN Guide Thailand 2026 ได้เผยโฉมความน่าภาคภูมิใจให้กับคนไทยอีกครั้ง เมื่อจำนวนภัตตาคารที่นำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทยได้รับรางวัลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำได้ถึงเส้นทางการเติบโตของเชฟรุ่นใหม่และผู้ประกอบการอาหารที่กำลังขับเคลื่อนแวดวงนี้ไปสู่ยุคที่เข้มแข็งที่สุดยุคหนึ่ง…”

ปีนี้ประเทศไทยเองมีภัตตาคารที่สามารถคว้า “ดาวมิชลิน” เพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 10 ร้าน รวมถึงการปรากฏตัวของร้าน สามดาวมิชลินร้านใหม่อย่าง ‘Sühring’ ร้านอาหารเยอรมันร่วมสมัยที่ก้าวจากสองดาวสู่จุดสูงสุดของการยอมรับระดับนานาชาติ และกลายเป็นร้านที่สองในประเทศที่ครอบครองตำแหน่งทรงเกียรตินี้ ต่อจาก ‘Sorn’

Three Michelin Stars: Sühring
การเลื่อนระดับของ Sühring นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความลุ่มลึกของวัฒนธรรมอาหารร่วมสมัยในไทย เชฟฝาแฝดอย่าง Thomas และ Mathias Sühring ถ่ายทอดเรื่องเล่าจากรากเหง้าครอบครัวเยอรมันผ่านเมนูที่ร้อยเรียงทั้งความทรงจำวัยเด็ก วัตถุดิบตามฤดูกาล และเทคนิคดั้งเดิมอย่างการดอง หมัก และรมควัน ความปราณีตที่ไม่เคยประนีประนอมนี้ทำให้ร้านแห่งนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อาหารระดับโลกโดยไม่ต้องเดินทางข้ามทวีป

Two Michelin Stars: Anne-Sophie Pic at Le Normandie & INDDEE
Anne-Sophie Pic at Le Normandie: ด้วยเมนูสไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ผสานเข้ากับฝีมืออันละเมียดละไมของเชฟ Anne-Sophie Pic และ เชฟ Tamaki Kobayashi ทำให้ Anne-Sophie Pic เป็นภัตตาคารมากเรื่องราวและความทรงจำที่ไม่เพียงนำเสนอรสชาติระดับเวิลด์คลาส แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณของห้องอาหารในตำนานแห่งโอเรียนเต็ลที่ยังคงเสน่ห์ไม่เสื่อมคลายได้ในเวลาเดียวกัน
INDDEE: แม้อาหารอินเดียอาจไม่เป็นที่คุ้นเคยนักสำหรับใครหลายๆ คน แต่เมื่อผสมผสานเข้ากับการตีความใหม่ที่คมชัดและพิถีพิถัน ก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่ INDDEE ภัตตาคารผู้ช่ำชองในการนำเสนอประสบการณ์อินเดียสมัยใหม่จะสามารถคว้ารางวัลสองดาวมิชลินและดวงใจของเหล่าผู้ที่หลงใหลในรสสัมผัสได้อย่างไม่เสื่อมคลาย โดดเด่นด้วย กุ้งคาราบิเนโรจากแรงบันดาลใจของรัฐกัว หรือปราตาจากหอยเชลล์ที่สะท้อนความผูกพันของเชฟต่อครัวญี่ปุ่น นี่คือร้านที่พิสูจน์ว่าความสร้างสรรค์ไร้พรมแดนสามารถปั้นอาหารให้กลายเป็นเรื่องเล่าได้อย่างวิจิตร

One Michelin Star: Bo.lan, Cannubi by Umberto Bombana และ Etcha
สำหรับรางวัลหนึ่งดาวมิชลินในปีนี้ หลากหลายร้านอาหารหน้าใหม่ที่มาพร้อมคอนเซปต์น่าสนใจ ต่างเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ทาง MICHELIN Guide Thailand 2026 ให้ความสนใจอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น
Bo.lan: ร้านอาหารไทยที่นำเสนอเมนูซึ่งผสมผสานตำรับไทยดั้งเดิมควบคู่กับแนวคิดเรื่องการทำอาหารอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากเกษตรกรรายย่อยมารังสรรค์เป็นอาหารที่ถ่ายทอดมรดกไทยอย่างลึกซึ้งผ่านเทคนิคการปรุงที่แม่นยำและการนำเสนอที่เรียบง่าย
Cannubi by Umberto Bombana: ร้านอาหารอิตาเลียนที่นำเสนอ เซ็ตเมนูมื้อกลางวันหรือดินเนอร์แบบ Testing Menu ที่ใส่ใจในทุกมิติของรสชาติ อาหารทุกจานผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ได้อย่างละเมียดละไม
Etcha: เจ้าของฉายาร้านอาหาร Fine Dining ผ่าน Testing Menu จำนวนกว่า 11 คอร์ส “360°” และ 8 คอร์ส “180°” ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผสานเทคนิคการปรุงแบบยุโรปเข้ากับวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยได้อย่างประณีต
นอกจากนี้ยังมีหลากหลายภัตตาคารที่ได้รับการเลื่อนระดับจากร้านแนะนำหรือ หรือ MICHELIN Selected สู่การเป็นเจ้าของหนึ่งดาวมิชลินด้วยเช่นกัน อันได้แก่ Gaggan, Jucksunchae, Nusara และ Sushi Saito ทั้งหมดล้วนสะท้อนพลังสร้างสรรค์ของเชฟและทีมที่ร่วมกันขับเคลื่อนรสชาติให้คมชัดยิ่งกว่าที่ผ่านมา

Special Awards of the Year
อย่างไรก็ตาม ทุกปี MICHELIN Guide ไม่เพียงคัดสรรร้านอาหารที่โดดเด่นด้านรสชาติและประสบการณ์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับ “คน” ผู้เป็นแก่นกลางของวงการอาหารไม่ว่าจะเป็น เชฟ ผู้จัดการร้าน ทีมงาน และผู้บุกเบิกความคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมอาหารไทยให้ก้าวหน้าอย่างงดงามยิ่งขึ้น และสำหรับปี 2569 นี้มิชลินได้มอบ 4 รางวัลพิเศษ เพื่อเชิดชูบุคลากรผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่อาจลืมเลือน

MICHELIN Guide Young Chef Award
ปีนี้ รางวัลแห่งความหวังและศักยภาพถูกมอบให้แก่ เชฟ “มอนด์” สุวิจักขณ์ กังแฮ แห่งร้าน ‘Royd’ ร้าน MICHELIN Selected ที่จังหวัดภูเก็ตอันเป็นบ้านเกิดซึ่งหล่อหลอมเขามาตั้งแต่วันแรก เชฟมอนด์เติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจอาหาร ทำให้เขาผูกพันกับรสชาติของอาหารใต้ตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนต่อยอดทักษะในครัวฝรั่งเศสไฟน์ไดนิงที่มอบความละเอียดอ่อนทางเทคนิคให้เขาอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อกลับสู่ภูเก็ต เขาเลือกสร้าง ‘หรอย’ เพื่อบอกเล่าเสน่ห์ของทะเลใต้ผ่านวัตถุดิบชุมชน และเทคนิคการปรุงร่วมสมัยที่ทำให้เมนูท้องถิ่นกลายเป็นงานศิลปะแห่งจานอาหาร
MICHELIN Guide Opening of the Year Award
รางวัลนี้ตกเป็นของ Wilfrid Hocquet เชฟและเจ้าของร้าน ‘Margo’ ภัตตาคารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 แต่กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้แวดวงอาหารไทยในทันที มาร์โก ผสมผสานความคลาสสิกของครัวฝรั่งเศสเข้ากับความเป็นกันเองแบบบิสโทรยุคใหม่ ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมบริการและความตั้งใจในรายละเอียด ทำให้แม้จะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับเป็น “ร้านประจำที่ดีต่อใจ” ของทุกคนที่มาเยือน
MICHELIN Guide Service Award
ปีนี้รางวัลด้านงานบริการถูกมอบให้แก่ Arsen Brahaj ผู้จัดการร้าน ‘Aulis’ ร้านหนึ่งดาวมิชลินในจังหวัดพังงา ด้วยความสามารถในการสื่อสารได้ถึง 4 ภาษา และประสบการณ์ในร้านดาวมิชลินของเชฟไซมอน โรแกนที่มอลตา มร.บราเฮจนำทักษะระดับสากลมาผสานเข้ากับบรรยากาศแบบไทยร่วมสมัย เขารับผิดชอบทั้งการควบคุมงานบริการและการจับคู่เครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เขาคือบุคคลที่ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารของแขก “สมบูรณ์” ตั้งแต่การต้อนรับจนถึงคำสุดท้าย
MICHELIN Guide Mentor Chef Award
รางวัลทรงเกียรติที่สุดของปีถูกมอบให้แก่ เชฟ David Thompson ผู้เป็นตำนานของการผลักดันอาหารไทยสู่เวทีโลก เจ้าของร้าน ‘Aksorn’ หนึ่งดาวมิชลิน และ ‘Chop Chop Cookshop’ เส้นทางของเขาเริ่มต้นเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เมื่อเขาได้สัมผัสกับอาหารไทยครั้งแรกและตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกเห็นว่า อาหารไทยไฟน์ไดนิง สามารถยืนในระดับสูงสุดได้ ด้วยการคว้าดาวมิชลินให้ร้าน Nahm แห่งกรุงลอนดอนในปี 2544 กลายเป็นร้านไทยร้านแรกที่ได้รับรางวัลระดับนี้

MICHELIN Green Star
และท้ายสุดกับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก ที่ในปีนี้ตกเป็นของ ‘GOAT’ ร้านอาหารหนึ่งดาวที่ใช้แนวคิดความยั่งยืนเป็นหัวใจของทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบที่มาจากชุมชนเกษตรกรและชาวประมง ไปจนถึงสวนสมุนไพรบนดาดฟ้า การหมักปุ๋ยจากเศษพืช และการรีไซเคิลวัสดุในทุกรายละเอียด แม้แต่ภาชนะก็ยังสะท้อนแนวคิดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
GOAT ร่วมยืนอยู่เคียงข้างร้านอาหารรักษ์โลกอีก 4 ร้านอย่าง PRU, Haoma, Jumpa และ Baan Tepa ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญของการผลักดันวงการอาหารไทยให้ก้าวสู่ยุคที่คุณภาพของอาหารและความรับผิดชอบต่อโลกเดินไปพร้อมกัน

ด้วยร้านระดับดาวที่เพิ่มขึ้น, เชฟรุ่นใหม่ที่โดดเด่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหารที่ขยายตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง ปี 2569 คือปีที่ตอกย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “จุดหมายของนักชิม” แต่กำลังเป็น หนึ่งในผู้นำด้านประสบการณ์อาหารระดับโลก



