September 15, 2025

หนึ่งในน้ำหอมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นกลิ่นที่มีความหรูหราและสร้างความประทับใจได้ทุกครั้งที่เราได้สูดดมกลิ่นเข้าไปคือ Baccarat Rouge 540 จาก Maison Francis Kurkdjian กลิ่นหอมเข้มข้นที่บรรจุในขวดคริสตัลสีแดงพร้อมฝาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ ความหอมระดับตำนานนี้ได้เดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 และได้โอกาสมาเฉลิมฉลองในกรุงเทพฯ อย่างยิ่งใหญ่ ณ Nailert Park โดย Francis Kurkdjian นักปรุงน้ำหอมชื่อดังและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ มาร่วมพูดคุยถึงความพิเศษของน้ำหอมกลิ่นนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ

What makes a perfume great?

บทสนทนาเริ่มต้นด้วยการที่ Mr. Francis Kurkdjian ได้พูดถึงนิยามของน้ำหอมที่ดีว่าควรมีคุณสมบัติอย่างไร?

คำตอบคือกลิ่นหอมที่ลอยตามหลัง เหมือนร่องรอยหรือเส้นทางของน้ำหอมที่ทิ้งไว้ในอากาศเวลาคุณเดินผ่าน คนที่อยู่ห่างออกไป 1-2 เมตรยังคงสัมผัสกลิ่นได้ และทันทีที่ได้กลิ่นก็สามารถบอกได้ว่าคือน้ำหอมอะไร น้ำหอมเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น มันเหมือนกับดนตรี เราจดจำผลงานที่สะกดอารมณ์เราได้ เราจะจำท่วงทำนองและคำร้อง น้ำหอมก็เช่นเดียวกัน

From Baccarat’s Red to a Fragrance Icon

ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นเมื่อต้องเริ่มงานกับแบรนด์เครื่องเรือนที่รังสรรค์ด้วยคริสตัลอย่าง Baccarat เขาเริ่มการเดินทางจากการสร้างสรรค์คริสตัลและต่อยอดมาสู่นิยามแห่งน้ำหอมที่ยากจะหาใครเหมือน  เมื่อผมถามว่าคริสตัลสีแดงถูกทำขึ้นมาได้อย่างไร ประธานของ Baccarat อธิบายว่า มันถูกหลอมขึ้นในเตาเผาโดยการเติมผงทองคำ 24 กะรัต และให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 540 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 8 ชั่วโมง จนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง สำหรับผม นั่นคือทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ในเวลาเดียวกัน คริสตัลคือสิ่งที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเมื่อเทียบกับแก้วมันทั้งหนาแน่นและหนักกว่า แต่กลับโปร่งใสและสว่างไสวกว่าด้วยความท้าทายของผมคือการถ่ายทอดความขัดแย้งนั้นออกมาเป็นกลิ่นหอม และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของ Baccarat Rouge 540”

The Three Pillars of Baccarat Rouge 540

จากสามองค์ประกอบสำคัญในการรังสรรค์คริสตัลสู่การดีไซน์กลิ่นหอมที่ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของคริสตัลจับประกายได้อย่างลงตัว

“คริสตัลเกิดจากแร่ธาตุ ไฟ และความเชี่ยวชาญ” เขาอธิบาย จากสามองค์ประกอบนี้เองที่กลายมาเป็นโครงสร้างของ Baccarat Rouge 540

แร่ธาตุถูกตีความเป็นแอมเบอร์กริสแอมเบอร์มีกลิ่นคล้ายทรายเขากล่าว มันทำหน้าที่เป็นรากฐานที่เชื่อมโยงน้ำหอมเข้ากับความเป็นธรรมชาติและความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ไฟถูกถ่ายทอดออกมาเป็นกลิ่นหวานคล้ายลูกกวาดไหม้ที่อบอวลไปด้วยความเข้มข้นและความอบอุ่น ส่วนความเชี่ยวชาญก็ถูกกลั่นออกมาเป็นโมเลกุลเบาบางที่จับต้องไม่ได้ เสมือนศาสตร์แห่งการปรุงแต่งที่ยกน้ำหอมขึ้นสู่มิติใหม่และมอบประกายเรืองรองที่ไม่มีวันเลือนหาย

The Making of Baccarat Rouge 540

เมื่อ Francis Kurkdjian สร้าง Baccarat Rouge 540 เขาเริ่มจากการวิเคราะห์ตระกูลกลิ่นแอมเบอร์ วานิลลาแบบดั้งเดิม  คุณมีความหวานกูร์มองด์ คุณมีความหอมแนว  powdery คุณมีความแอมเบอริกทั้งหมดนี้คือการปรับสัดส่วนของวัตถุดิบเดียวกันในสัดส่วนที่ต่างออกไปแต่เขาไม่ต้องการสร้างกลิ่นที่มีอยู่แล้วสำหรับ Baccarat ผมอยากทำสิ่งที่แตกต่าง ผมอยากเก็บจิตวิญญาณของความเข้มข้น แต่เปลี่ยนแปลงรูปทรงของมันเขาเปรียบการปรุงน้ำหอมเหมือนวรรณกรรม เริ่มต้นจากการลอกเลียนแบบผลงานของปรมาจารย์ จากนั้นคุณต้องหาสไตล์ของตัวเอง สำหรับ Baccarat Rouge 540 นั่นหมายถึงการทำลายกฎเกณฑ์  คุณต้องตัดวัตถุดิบทั่วไปที่ถูกใช้ซ้ำมาเกือบ 100 ปีออกไป และด้วยการตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปนี่แหละที่ทำให้คุณสร้างสิ่งใหม่ได้จริงๆผลลัพธ์ก็คือสูตรที่ไม่ยุ่งยากแต่ทรงพลังที่กลั่นความซับซ้อนให้ชัดเจน ส่องประกาย  และจดจำได้ทันที

Baccarat Rouge 540: The Scent Too Iconic to Imitate

Baccarat Rouge 540 เป็นน้ำหอมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนมีของลอกเลียนแบบหรือที่เรียกว่า dupes ออกวางขายจนเกลื่อนตลาด ซึ่ง Mr. Francis มีทัศนคติส่วนตัวถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ผมรู้สึกเศร้าสำหรับคนที่ซื้อมันเพราะมันเลียนแบบได้แค่ท็อปโน้ตเท่านั้น มันไม่คงอยู่ในแบบเดียวกัน ไม่ได้ถูกพัฒนาในแบบเดียวกัน ผมไม่เคยเห็นของปลอมที่เหมือนต้นฉบับ 100% เลย และเบื้องหลังของลอกเลียนแบบเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักมีองค์กรอาชญากรรมเกี่ยวข้อง ทุกวันนี้การผลิตน้ำหอมปลอมทำกำไรได้มากกว่าการผลิตอาวุธเสียอีก แถมโทษก็ยังเบากว่า ยังมีการฟอกเงินมาเกี่ยวพัน มันคือธุรกิจจริงๆ ธุรกิจที่เกาะอยู่บนความสำเร็จของคนอื่น”

A Jewel Beyond Compare

‘Baccarat Rouge 540 Édition Millésime’ ผลิตขึ้นเพียง 54 ขวดทั่วโลก มาพร้อมความพิเศษด้วยตัวขวดและฝาขวดที่มีส่วนผสมของทองคำ 24 กะรัต โดยช่างฝีมือของ Baccarat ถึง 19 คนในการสร้างสรรค์ผลงานคริสตัลสำหรับฐานขวดซึ่งใช้เวลากว่า 500 ชั่วโมง โดยน้ำหอมสุดพิเศษนี้บรรจุในกล่องไม้สนบุหนังและขอบกระจก พร้อมปลอกหนังลูกแกะเย็บมือสุดประณีตโดย Atelier Renard น้ำหอมเองยังมีส่วนผสมของ Ambergris หายาก สร้างสรรค์กลิ่นหอมที่มีความเข้มข้นติดทนนานมากยิ่งขึ้น

The Olfactive Wardrobe

สำหรับ Francis น้ำหอมก็เหมือนแฟชั่นไอเท็ม เขาได้ออกแบบ ‘olfactive wardrobe’ จากความเรียบง่ายและความหรูหรา เพื่อสะท้อนตัวตนในแต่ละวัน เมซงจึงเปรียบเสมือนแฟชั่นเฮาส์ ที่นำเสนอคอลเลกชันกลิ่นใหม่ๆ แต่ไร้กาลเวลา เหมือนเสื้อผ้าที่ออกแบบมาอย่างประณีตที่ใส่ซ้ำได้เสมอ

“แนวคิดของตู้เสื้อผ้ากลิ่นหอม (olfactory wardrobe) ก็คือ คุณสามารถมาที่นี่เหมือนกับการไปที่แฟชั่นเฮาส์ ที่เมซงเรานำเสนอน้ำหอมไร้กาลเวลาในทุกๆฤดูกาล เพื่อตอบรับทั้งอารมณ์ความรู้สึกและตัวตนของคุณ”

Beauty Tips: Perfume & Humidity

เมืองไทยที่อากาศร้อนและชื้นแทบทั้งปี น้ำหอมมักไม่ติดทนบนผิวอย่างที่เราหวังไว้ Francis Kurkdjian มาแชร์เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้น้ำหอมอยู่กับคุณได้ยาวนานขึ้น

บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเสมอ
ผิวที่อิ่มน้ำคือผืนผ้าที่ดีที่สุดสำหรับน้ำหอม หากผิวแห้ง กลิ่นจะจางเร็วมาก

“ผิวแห้งจะเก็บกลิ่นน้ำหอมได้น้อยกว่าผิวที่ได้รับการบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เมื่อคุณทามอยส์เจอไรเซอร์สารประกอบในครีมจะช่วยตรึงกลิ่นให้อยู่ได้ยาวนานขึ้น”

ผิวก็เหมือน “ก้อนเนย”
Francis อธิบายได้เห็นภาพ น้ำหอมเกาะติดส่วนที่มีไขมันได้ดี เหมือนเนยในตู้เย็นที่ดูดซับกลิ่นต่าง ๆ

“ลองนึกถึงเนยที่เก็บไว้ในตู้เย็น เนยสามารถดูดซับกลิ่นได้ ส่วนประกอบที่มีไขมันมีคุณสมบัติทั้งทางกายภาพและทางเคมีในการกักเก็บกลิ่นไว้”

ปรับกลิ่นให้เข้ากับภูมิอากาศ
สภาพอากาศและวัฒนธรรมส่งผลต่อการเลือกกลิ่น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนยังนิยมกลิ่นเข้มข้นชัดเจน ในขณะที่ยุโรปหน้าร้อนจะเลือกกลิ่นซิตรัสบางเบา และสดชื่น
ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณยังชอบน้ำหอมกลิ่นชัดเจนแรงๆ แต่ในยุโรป เวลาอากาศร้อน เราจะชอบกลิ่นซิตรัส น้ำหอมที่บางเบาและหอมแบบชั่วคราว

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search