Logo Hashtag Legend

Longines เปิดตัวโมเดลเรือนเวลาใหม่ล่าสุดที่เฉลิมฉลองให้กับการครบรอบ 70 ปี

Mar 26, 2024

จากจุดเริ่มต้นการเดินทางที่ยาวนานกว่า 7 ทศวรรษของงานออกแบบในคอลเลคชั่น Conquest นำมาสู่การเปิดตัวเรือนเวลารุ่นเรือธงที่ลองจินส์ภาคภูมิใจอย่าง Conquest Heritage Central Power Reserve เรือนเวลาหรูกลิ่นอายคลาสสิคจากแรงบันดาลใจในปลายยุค 1950บอกเล่าความเป็นเลิศด้านความงามและกรรมวิธีการรังสรรค์อย่างแท้จริง

ลองจินส์ (Longines) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ที่ครองใจผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเรือนเวลาทั่วโลกมากว่า 191 ปี เปิดตัวโมเดลคลาสสิคใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ Conquest Heritage Central Power Reserve ร่วมเป็นสักขีพยานเฉลิมฉลองต่อการเดินทางกว่า 70 ปีของคอลเลคชั่น Conquest นับแต่ปี 1954 จวบจนปัจจุบัน

นอกเหนือไปจากการดีไซน์ตัวเรือนที่งดงามในสไตล์คลาสสิคมาพร้อมเข็มบอกเวลาทรงบาตงที่ผ่านกรรมวิธีเคลือบด้วยสาร Super-LumiNova® แล้ว ความโดดเด่นของโมเดลใหม่ล่าสุดนี้คงจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้แผ่นจานหมุน (rotating disc) บริเวณกลางหน้าปัด ฟังก์ชั่นเหนือระดับที่ถูกออกแบบมาเพื่อบ่งบอกระดับพลังงานสำรองผ่านตัวเลข จาก 64-48-32-16-0 ฟังก์ชั่นที่สร้างเสน่ห์บนหน้าปัดนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย จนอาจชวนให้คิดว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทางลองจินส์คิดค้นขึ้นมาเพื่อโมเดลนี้โดยเฉพาะ แต่แท้จริงแล้วแผ่นจานหมุนดังกล่าวคือผลพวงจากมันสมองอันล้ำสมัยที่ทางลองจินส์ได้สร้างสรรค์ให้กับโมเดลชั้นครูอย่าง Hour-Angle ที่ทางแบรนด์ได้พัฒนาขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมการบินตั้งแต่ในช่วงปลายยุค 1920s โดยที่ไม่ลืมที่จะสอดแทรกเอกลักษณ์ไร้กาลเวลาของโมเดลรุ่นนี้ผ่านหน้าต่างบอกวันที่ซึ่งถูกแต่งเติมความวิจิตรด้วยแอพพลิเก้ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ณ จุดกึ่งกลางของเรือนเวลา

ความน่าสนใจและความพิเศษยังไม่หมดเพียงแค่ที่กล่าวมา เมื่อความงามของหน้าปัดที่ถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมดสามส่วนของ Conquest Heritage Central Power Reserve นั้นสามารถเลือกสรรวัสดุได้อย่างใจนึก ผ่านสามเฉดสีอมตะไม่ว่าจะเป็น สีแชมเปญ, สีแอนธราไซต์ และสีดำ จับคู่กับมาร์คเกอร์ชั่วโมงทั้ง 12 ในโทนสีเยลโลว์โกลด์, โรสโกลด์ และสีเงิน นอกจากนี้กลไกคาลิเบอร์ L896.5 ที่ได้รับการออกแบบพิเศษสำหรับลองจินส์ ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความสมบูรณ์แบบให้กับโมเดลสุดพิเศษรุ่นนี้ พร้อมให้ผู้ที่ถือครองรับชมความงดงามของกลไลพิเศษนี้ได้แบบส่วนตัวผ่านฝาหลังของเรือนเวลาที่พร้อมด้วยคุณสมบัติในการต้านทานสนามแม่เหล็กได้สูงกว่าที่มาตรฐาน ISO 764 กำหนดได้ถึงสิบเท่า

ความงามอมตะนี้เผยโฉมในรูปแบบตัวเรือนสตีลขนาด 38 มม. ที่สามารถเลือกสรรค์ได้ว่าจะเลือกดีไซน์ผิวสัมผัสในแบบซาตินหรือขัดเงา พร้อมด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ปิดท้ายด้วยขานาฬิกา (lug) ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่ให้เข้ากับสรีระข้อมือเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่ให้มากขึ้น พร้อมสายนาฬิกาในโทนสีดำและสีเทาที่ตกแต่งด้วยบัคเคิลสตีลพินแบบใหม่เฉกเช่นเดียวกับโมเดลล่าสุดในคอลเลคชั่น Conquest Heritage

Also See: Cartier: Unveiling Tank Louis Cartier Bangkok Edition

RECOMMENDED READS