September 16, 2025

“…นับเป็นอีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดีสำหรับแวดวงนาฬิกาในประเทศไทย เมื่อกรุงเทพมหานครได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพของงานเปิดตัวและนิทรรศการระดับสากลอย่าง Mido Prime-Time Event 2025 งานสำคัญของแบรนด์นาฬิกาสวิสผู้มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา Mido ถือเป็นแบรนด์เรือนเวลาที่มีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศไทย ทั้งในฐานะตลาดและแหล่งแรงบันดาลใจที่สำคัญอย่างมีนัยยะ…”

และในโอกาสพิเศษเช่นนี้ #Legend_th มีโอกาสนั่งสนทนากับคุณ Franz Linder CEO ของ Mido เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับวิสัยทัศน์อันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ความสำคัญของประเทศไทยต่อแบรนด์ และอนาคตของ Mido ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

#legend_th: MIDO Prime-Time Event 2025 เป็นช่วงเวลาสำคัญของแบรนด์ คุณช่วยเล่าถึงแนวคิดและวิสัยทัศน์ที่นำมาสู่งานในครั้งนี้หน่อยจะได้ไหม?

FL: แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามาเยือนกรุงเทพมหานครครับ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดดั้งเดิมที่สุดของ Mido แบรนด์ของเราอยู่อาศัยร่วมกับที่นี่มาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าชาวไทย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญนี้ในตลาดที่ทั้งซื่อสัตย์และให้ความเคารพอย่างสูงกับความสัมพันธ์ของเราเสมอมา

#legend_th: ประเทศไทยมีความหมายต่อ Mido อย่างไร ทั้งในแง่อารมณ์และเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ?

FL: อย่างที่ผมบอกไป เรามีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับตลอดนี้และประเทศนี้ แน่นอนว่าเราชื่นชอบประเทศไทย เฉกเช่นเดียวกับคนทั่วโลก ชาวไทยมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ และในเชิงธุรกิจ ประเทศไทยไม่เพียงเป็นตลาดดั้งเดิม แต่ยังเป็นตลาดสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา เพราะสำหรับ Mido แล้ว ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เรามีส่วนแบ่งยอดขายสูงที่สุดแห่งหนึ่งเลยนะครับ

#legend_th: แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจในการกำหนดช่วงเวลาและคอนเซปต์ในการเยือนกรุงเทพในครั้งนี้?

FL: ต้องบอกว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยทันที เราจะเตรียมงานล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหลายปี และโดยปกติการพัฒนานาฬิกาแต่ละรุ่นจะใช้เวลาอยู่ที่ระหว่างหนึ่งถึงสองปี เมื่อกำหนดไทม์ไลน์แล้ว เราจึงตัดสินใจว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไหนและเมื่อใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสื่อมวลชนและตลาด ครั้งนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสมมาลงตัวกับต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับการเปิดตัวพอดีครับ

#legend_th: การจัดงานแบบนี้ที่กรุงเทพช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับนักสะสมหรือชุมชนท้องถิ่นบ้างไหม?

FL: การสร้างการรับรู้และการจัดจำหน่ายเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของแบรนด์กับนักสะสมและผู้บริโภคชาวไทย และ Mido เองก็ได้รับความนิยมในประเทศไทยอยู่แล้ว เรามีนาฬิกาจำหน่ายอย่างกว้างขวางในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งทั่วประเทศ แต่สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือบทบาทของสื่อครับ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ ออนไลน์ ไปจนถึงสื่อโซเชียลมีเดีย ที่ช่วยสื่อสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา ต้องขอบคุณมากจริงๆ ครับ

#legend_th: ช่วยเล่าถึงนาฬิกาใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้หน่อยได้ไหมครับ ว่าสะท้อนถึงมรดกของ Mido พร้อมกับตอบโจทย์เทรนด์สมัยใหม่อย่างไรบ้าง?

FL: ภายใต้แบรนด์ Mido เราจะมีการแตกแขนงไปสู่คอลเลกชันหลักอยู่ 5 ซีรีส์ โดยซีรีส์ระดับสูงสุดจะได้รับการรับรอง COSC เราจะพัฒนาในส่วนของสิ่งที่เรียกว่า ‘small complications’ เช่น Big Date, Power Reserve หรือ Chronograph สำหรับพวกเราแล้วนี่คือการต่อยอดที่พัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยนำ Multifort รุ่นยอดนิยมมาปรับเป็น Chronograph สไตล์สปอร์ต ซึ่งเราเชื่อว่าการออกแบบนี้จะได้รับความชื่นชอบจากนักสะสมทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกแน่นอนครับ

#legend_th: หลังจากความสำเร็จของงานที่กรุงเทพมหานคร แผนต่อไปของ Mido ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นอย่างไร?

FL: งานที่เราจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานครยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับพันธมิตรในภูมิภาค การเปิดตัวครั้งนี้เราได้เชิญตัวแทนจากทุกตลาดในเอเชียที่เราดำเนินกิจการมาเข้าร่วม แทนที่จะจัดงานแยกในแต่ละประเทศ เราเลือกที่จะคัดเลือกเมืองใดเมืองหนึ่งและรวมทุกคนเข้าด้วยกัน ทำให้กลายเป็นการเฉลิมฉลองระดับภูมิภาค และแน่นอนว่าสำหรับการนี้กรุงเทพมหานครคือเวทีที่สมบูรณ์แบบ

#legend_th: ในฐานะซีอีโอ คุณนิยามความสำเร็จของ Mido ในตลาดที่แข่งขันสูงเช่นปัจจุบันอย่างไร?

FL: Mido เป็นที่รู้จักในฐานะนาฬิกาคุณภาพสูงซึ่งสะท้อนถึงการผลิตนาฬิกาสวิสชั้นดีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เราไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรีสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่เราต้องการให้ผู้คนจำนวนมากสามารถเพลิดเพลินกับนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ แข็งแรง และสะท้อนงานฝีมือแบบฉบับสวิสขนานแท้ได้ และนั่นคือความสำเร็จในฐานะแบรนด์นาฬิกาของ Mido

#legend_th: หากมองย้อนกลับไป การตัดสินใจที่ยากที่สุดในฐานะ CEO ของคุณคืออะไร และคุณได้เรียนรู้อะไรจากมัน?

FL: หลังจากทำงานกับ Mido มากว่า 30 ปี ผมไม่สามารถระบุเลยได้ว่าอะไรคือการตัดสินใจใดที่ยากที่สุด เพราะผมได้ผ่านรอบการขึ้นลงทางเศรษฐกิจมาแล้วมากมาย แม้กระทั่งวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 1996–97 ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก คำสอนจากประสบการณ์หลักของผมคือ แบรนด์ต้องยึดมั่นใน DNA และคุณค่าของตัวเอง และไม่ควรตามโอกาสหรือกระแสระยะสั้น เพราะความสม่ำเสมอ คุณภาพ และเอกลักษณ์ คือสิ่งที่ช่วยให้ Mido ผ่านพ้นทุกช่วงเวลามาได้

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search