Cover Story: เฟิร์น นพจิรา ฤกษ์ขจรนามกุล ในวันที่รู้จักและรักตัวเองมากที่สุด
Author: Kantinan Srisan | Photographer: Somkiat Kangsdalwirun
Mar 12, 2025
"...มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเวลาที่เราเห็นใครสักคนหนึ่งมีแพสชั่นในสิ่งที่พวกเขาทำ ออร่าและเสน่ห์ของคนๆ นั้นก็จะฟุ้งกระจายให้เราสัมผัสได้ เฟิร์น-นพจิรา ฤกษ์ขจรนามกุล นักแสดงสาวดาวรุ่งจากช่อง One 31 ที่มีผลงานการแสดงซึ่งได้รับความนิยมหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นบทเจ้าน้ำตาในละครเรื่อง “หัวใจศิลา” และล่าสุดกับ “ตันหยง” ในซีรีส์ดังใน Netflix เรื่อง “แม่หยัว” เธอเป็นหนึ่งคนที่ยิ่งเราได้พูดคุยด้วยยิ่งสัมผัสได้ถึงความรักในสิ่งที่เธอทำ...“
ย้อนกลับไปปีแรกเราเข้าวงการโดยไม่เคยเข้าใจเลยว่าจริงๆ แล้วการแสดงคืออะไรค่ะ การแสดงมันเป็นอะไรที่น่าสนใจสําหรับเราในฐานะที่เรียนสายวิทย์เป็นเด็กเรียนวิศวะมา หลังจากเป็นเด็กฝึกของช่อง One31 มาประมาณหนึ่งปี พอได้เล่นละครทําให้เฟิร์นรู้สึกว่าศาสตร์ของการแสดงมันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มันมีอะไรให้เราได้ค้นหาเยอะเลยแล้วเฟิร์นก็ใช้เวลาค้นหามันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงวันนี้ เฟิร์นมีความเข้าใจในตัวเองขึ้นเยอะ เรียกได้ว่าแทบจะเข้าใจตัวเองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ โมเมนต์แรกที่รู้สึกว่าตกหลุมรักการแสดงก็คงจะเป็นตอนที่ได้เล่นละครเรื่องแรกค่ะ “ดอกแก้วกาหลง” ซึ่งเรื่องนั้นมันเป็นการรวมตัวเด็กนิวเจนที่เข้ามาใกล้ๆ กันทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่เราสนุกมากเพราะเหมือนได้โตไปพร้อมกับเพื่อน แล้วจะมีโมเมนต์หนึ่งของตัวละครจันทร์วาดที่เฟิร์นได้เล่นแล้วรู้สึกว่า ทําไมเราถึงเชื่อจริงๆ ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นตรงหน้าเรารู้สึกว่ามันเป็นจริง การที่เราเห็นคนที่เรารักต้องจากไปแล้วเราอินกับมันมาก รู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มากโมเมนต์นั่นแหละค่ะที่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราอยากลองศึกษาดู”
จากงานแสดงเรื่องแรกเธอได้พัฒนาการแสดงเรื่อยมาจนมาถึงผลงานล่าสุดที่ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง ในบทบาทที่เข้มข้นและการเข้าฉากเลิฟซีนแบบหญิงหญิงในซีรีส์เรื่อง “แม่หยัว”
“ละครเรื่อง “หัวใจศิลา” ตอนที่เรารับบทเป็นมินตราครั้งนั้นเป็นผลงานที่ทําให้คนได้รู้จัก เฟิร์น นพจิรา ในฐานะนักแสดงจริงๆ ส่วนผลงานที่เฟิร์นรู้สึกว่ามันยากแล้วมันท้าทายตัวเองมากก็คือ “แม่หยัว” กับบท “พระสนมตันหยง” ในฐานะนักแสดงไม่บ่อยนักที่เราจะได้มีโอกาสได้รับบทที่ดีขนาดนี้ ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงมานาน ก็รู้สึกว่ามันเป็นอีกหนึ่งสเตปที่เราอยากจะพิสูจน์ตัวเองในการเป็นนักแสดงจริงๆ ก็เลยแบบตั้งใจกับบทนี้มาก ลุ้นกับมันมากๆ ค่ะ เราก็ไม่แน่ใจว่ามันผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง เพราะว่าหลายคนเห็นภาพเฟิร์นเป็นนางเอกน่าสงสารถูกกระทํามาโดยตลอด พอมาเป็นตัวละครตันหยงคาแรกเตอร์มันพลิกจากที่ทุกคนเคยรู้จักเฟิร์นมาเลย...คาแรกเตอร์ที่ตัวละครชอบผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่กังวลอะไรเลย เพราะโดยพื้นฐานแล้วเฟิร์นมองว่าความรักมันเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าแบบเป็นผู้หญิงจะต้องคู่กับผู้ชาย เรามองว่าความรักมันขึ้นอยู่กับว่ารู้สึกกับใครมากกว่า มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตามสุดท้ายรักมันก็คือรัก สิ่งที่ยากกว่าคือการเข้าใจพื้นฐานของตัวละครทั้งเรื่องของจิตใจและการแสดงออกอื่นๆ เราทําการบ้านกับตัวละครหนักมากค่ะ ใช้เวลาก่อนเปิดกล้องเกือบครึ่งปีเลยที่เรียนการแสดงเพิ่มเติม เพื่อทําการบ้านตัวละครนี้แล้วก็ ตันหยงเป็นตัวละครที่มีชั้นเชิงมีการวางแผนมีลูกล่อลูกชน จะปกปิดความคิดความรู้สึกของตัวเองไว้ เราก็ต้องไปศึกษาคาแรกเตอร์เยอะมากเพื่อเอามาพัฒนาการแสดงของตัวเอง รวมถึงต้องไปอ่านหนังสือแนววางกลยุทธ์ต่างๆ ฝึกเล่นหมากรุก ฝึกเล่นหมากโกะที่ช่วยในเรื่องของความคิดแล้วก็พื้นฐานจิตใจของตัวละคร ส่วนเรื่องเคมีของการแสดงคู่กับพี่ใหม่-ดาวิกาเราไม่เคยเวิร์คชอปกับพี่ใหม่เลย เพราะในบทเรื่องแม่หยัวตัวละครตันหยง เป็นตัวละครที่เรียกว่าเป็นรักข้างเดียวในเชิงแบบชู้สาว แต่สุดท้ายแล้วตัวละครสองคนนําพามาซึ่งมิตรภาพที่แท้จริง เป็นความสัมพันธ์ที่มันบริสุทธิ์มากๆ ไม่ใช่แค่หวังที่จะครอบครองกัน ก็เซอร์ไพรส์ที่คนดูชื่นชอบในความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างตันหยงกับจินดาค่ะ”
แม้จะผ่านการแสดงมาแล้วในหลายบทบาท แต่นักแสดงสาวคนนี้อยากท้าทายตัวเองในบทที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ซึ่งเธอตั้งใจที่จะถ่ายทอดมันออกมาให้เข้าถึงอารมณ์คนดูมากที่สุด
“เสน่ห์ของอาชีพนักแสดงคือเราพร้อมที่จะเป็นอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีขอบเขตเลยว่าอยากจะเล่นแค่ไหน เราอยากเห็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ร้ายสุดๆ ไปเลย แต่มันจะไม่ใช่ร้ายแบบไม่มีเหตุผลเพราะเฟิร์นรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนดูเขาฉลาด หมายถึงว่าเขามีช่องทางในการเสพสื่อหลากหลายมาก เพราะฉะนั้นบทหรือตัวละครต่างๆ มันต้องถูกพัฒนาขึ้น ต้องสอดคล้องกับคนดูที่เขาอยากจะติดตามแล้วรู้สึกว่ามันมีคนแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆ ก็อยากเห็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ร้ายแบบซับซ้อน หรือแม้กระทั่งซีรีส์แนวหญิงหญิงแบบเต็มเรื่อง หลายคนก็อยากเห็นเฟิร์นในมุมมองใหม่ เราก็ไม่ได้ติดนะคะถ้าบทท้าทาย อีกบทหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากเล่นมากคงเป็นบทที่รันทดชีวิตสุดๆ ตอนนี้ตัวเฟิร์นชอบเสพหนังที่มันเป็นแบบหนังชีวิตก็เลยอยากเล่นหนังชีวิตสักเรื่องที่มันเป็นการต่อสู้ของชีวิตของคนๆ หนึ่ง ที่อาจจะถ่ายทอดเรื่องราวสะท้อนสังคมก็ได้ อาจจะเป็นบทคนขายบริการทางเพศ sex worker ในอีกมุมมองหนึ่งที่มันเจาะลึกพูดถึงเรื่องราวชีวิตของคนที่อยู่ตรงนี้จริงๆ หรือบทผู้หญิงที่ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือเป็นคนไร้บ้านค่ะ”
legend ในการแสดงของเธอคือเหล่านักแสดงรุ่นพี่ที่มีฝีมือการแสดงระดับชั้นครู
“คนแรกเลยนึกถึงพี่นุ่น ศิริพันธ์ค่ะ เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขาซึ่งเฟิร์นชอบผลงานเขามาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนเล่นทั้งตัวเล่นทั้งใจ มันมีเสน่ห์มากแล้วเขาเป็นคนที่ตั้งใจกับอาชีพนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับอาชีพนักแสดงจริงๆ แล้วยังมีนักแสดงอีกหลายคน พี่นก สินจัย, พี่นุ่น วรนุช ถ้าเป็นฝั่งต่างประเทศก็จะเป็นนักแสดงเกาหลีกงฮโยจิน อีกคนหนึ่งที่ชอบมากคือ Kim Go-eun คนนี้ก็สุดเหมือนกันไม่ว่าเขาจะเป็นคาแรกเตอร์ตัวละครอะไร เรารู้สึกถึงความแตกต่างของการแสดงเขาในทุกตัวละครเลย...ความฝันของตัวเองที่เห็นในฐานะนักแสดงก็อยากเห็นตัวเองขึ้นไปคว้ารางวัลนํานักแสดงนําหญิง อยากเห็นตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นค่ะ ถึงแม้ว่าเฟิร์นไม่รู้ว่ามันจะมาถึงตอนไหน แต่ว่าความฝันสูงสุดก็คือการที่ยังคงได้เป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ จนเล่นไม่ไหวค่ะ
หลายคนรู้จักเฟิร์นผ่านตัวละครแต่น้อยคนนักที่จะรู้จักตัวตนของเธอจริงๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแพสชั่นในสิ่งที่เธอรัก
“เฟิร์นว่าคนเรามันเปลี่ยนไปทุกๆ ปีนะ แต่ว่าแกนของเฟิร์นที่รู้สึกว่าไม่เคยเปลี่ยนเลย คือเราเป็นคนที่ปรับตัวอยู่เสมอค่ะ เป็นคนที่เจอกับปัญหาเราจะไม่อยู่กับมันนาน เราจะเข้าใจมันเรียนรู้มันแล้วก็ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะอยู่ตรงนี้จนเราเข้าใจชีวิตว่าความสุขมันเข้ามาแล้วมันก็ไปเช่นเดียวกันกับความทุกข์ เฟิร์นเป็นคนที่ทําความเข้าใจกับตัวเองอยู่ตลอดเวลารู้ว่าตัวเองมีทั้งเวอร์ชั่นที่ทั้งดีและไม่ดี ดีใจที่ตัวเองในตอนนี้ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเองได้ เราเป็นคนชอบมอบพลังงานบวกให้กับคนอื่นโดยเฉพาะเวลาไปเจอแฟนๆ เฟิร์นอยากจะมอบความสุขให้กับเขา เฟิร์นเป็นคนที่มีความอดทนสูงค่ะเมื่อไหร่ที่ตั้งเป้าหมายอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนไม่ว่ามันจะรู้สึกว่าอยากจะล้มเลิกกี่ครั้ง แต่ถ้าเราปักไว้แล้วจะไม่มีทางล้มเลิกเลย เพิ่งมาค้นพบตัวเองว่าเป็นคนชอบเอาชนะถ้ารู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราตั้งใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือใช้เวลานานแค่ไหนเราก็จะทําจนกว่าจะได้สิ่งนั้นค่ะ”
เมื่อเป็นนักแสดงที่อยู่ท่ามกลางสายตาของประชาชนและพร้อมที่จะถูกตัดสินอยู่ตลอดเวลา การรักตัวเองจึงเป็นสิ่งที่นักแสดงคนนี้เลือกที่จะให้ความสำคัญ และนิยามความรักที่ดีในแบบฉบับของเธอคือความรักที่ทำให้เราเห็นค่าในตัวเอง
“เราสามารถเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่รักตัวเองที่สุดได้การจะดูแลตัวเองให้ดีมันเริ่มมาจากพื้นฐานทางจิตใจก่อนในฐานะนักแสดงเราต้องคอยดูแลเรื่องรูปร่างหน้าตาอยู่เสมอแต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเผชิญปัญหาในเรื่องของบิวตี้สแตนดาร์ดมาโดยตลอดอะไร เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น เราก็จะพยายามไขว่คว้าเป็นอย่างอื่นแล้วเราไม่มีความสุข สุดท้ายพลังงานและการแสดงออกก็จะไม่ใช่ตัวตนที่เราอยากจะเป็นอยู่ดี รูปร่างของเราเฟิร์นยอมรับก่อนเลยว่าเป็นคนตัวเล็กไม่ใช่คนที่หุ่นดีขนาดนั้น เฟิร์นออกกําลังกายลดน้ำหนักมาถึงจุดหนึ่งที่เรารักร่างกายของตัวเองในเวอร์ชั่นนี้มาก รู้ว่าพยายามกับมันแค่ไหนแล้ว ถึงจะไม่ได้เอวคอดสะโพกผายแต่นี่มันคือร่างกายที่พาให้เราได้ทําในสิ่งที่รัก พาเรามาเจอกับคนที่รักเรา ไปในพื้นที่ที่มันดีกับตัวเรา เลยรู้สึกว่าแค่เรามีร่างกายที่มันครบ 32 แข็งแรงแล้วก็คอยดูแลให้พร้อมทํางานให้พร้อมไปใช้ชีวิตเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว...ความรักที่ดีสําหรับเฟิร์นคือความรักที่ทําให้เรารู้สึกรักตัวเองมากขึ้นค่ะ คนรักที่ทําให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า คนที่เขาสามารถยอมรับเราทั้งดีและไม่ดีได้ การที่ทําให้ความสัมพันธ์มันยืนยาวหรือว่ามันเกิดเป็นความรักจริงๆ คือการที่เรายอมรับอีกคนหนึ่งในเวอร์ชั่นที่ไม่ดีได้ แล้วเราสามารถอยู่กับตรงนั้น ความรักที่ดีมันต้องทําให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจทําให้เรารู้สึกว่านี่คือบ้านของหัวใจคือที่ปลอดภัยที่เรากลับมาพักพิงได้เสมอเป็นที่พึ่งพาของกันและกัน”
สำหรับนักแสดงสาวคนนี้ที่กำลังจะอายุเข้าเลขสามคงไม่มีความรักต่อสิ่งไหนที่ชัดเจนมากไปกว่าอาชีพที่เธอทุ่มเทให้สุดหัวใจ
“การแสดงเป็นสิ่งที่เฟิร์นอยู่ด้วยแล้วคิดภาพตัวเองไปทําอย่างอื่นไม่ออก เรามองเห็นตัวเองอยู่กับการแสดงไปจนแก่เลย มีช่วงหนึ่งที่หยุดงานไปแล้วเรารู้สึกว่าหม่นหมองมาก ทําให้ค้นพบว่าการแสดงมันคือจิตวิญญาณของเราไปแล้ว การออกกองมันคือความสุข การให้ความสำคัญกับคุณค่าของเราออกมาผ่านงานนั้น เลยเป็นเหตุผลที่ทําให้ตอนนี้ยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่านอกจากการแสดงอยากจะไปเป็นอะไร มันอาจจะมีhobby อย่างหนึ่งที่เฟิร์นรู้สึกว่าอยากจะเริ่มทําในปีนี้คือการเป็นดีเจมิกซ์เพลง เพราะเป็นคนชอบเสียงดนตรีมาก อาจจะได้เห็นเฟิร์นในบทบาทของการเป็นดีเจ เพราะมันก็เป็นอีกพาร์ทหนึ่งที่ทําให้เรามีความสุขด้วยเหมือนกันค่ะ”
นักแสดงสาวร่างเล็กตอบด้วยแววตาอันเป็นประกายซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเปี่ยมด้วยความสุขที่ส่งต่อมาสู่คนรอบข้างอย่างชัดเจน