August 5, 2025

“…อีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับ Cartier เมื่อทางแบรนด์ได้เผยโฉม Cartier Flagship Boutique แห่งใหม่ใจกลางสยามพารากอน พร้อมมอบประสบการณ์อันวิจิตรเหนือจินตนาการแก่เหล่านักสะสมและผู้หลงใหลในงานศิลป์ โดยบูติคแห่งนี้ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันในรูปแบบดูเพล็กซ์ 2 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 758 ตารางเมตร ผสานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกับเอกลักษณ์ของ ศิลปะไทยและงานฝีมือดั้งเดิม ไว้ได้อย่างกลมกลืน ผ่านแนวคิด ‘Heavenly Cartier’…”

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นล่างของบูติค ผู้มาเยือนจะพบกับบรรยากาศอันอบอุ่นและละเมียดละไม สะท้อนผ่านโคมไฟระย้าทรงหยดน้ำ รวมไปถึงพื้นที่จัดแสดงคอลเลคชั่นระดับไอคอนิคของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น LOVE, Panthère de Cartier และ Clash de Cartier ท่ามกลางฉากหลังที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ผ่านการตกแต่งด้วยพรมลวดลายหยดน้ำและกระจกสีฝีมือของ O Thai ศิลปินด้านกระจกชื่อดังของไทย กระจกสีเหล่านี้ย้อมด้วยมือในเฉดสีอันงดงามของ ทับทิม มรกต และแซฟไฟร์ ซึ่งสะท้อนถึงคอลเลคชั่นในตำนานอย่าง Tutti Frutti ได้อย่างสง่างาม

ความน่าหลงใหลยังดำเนินต่อในโซนถัดไปของบูติค ไม่ว่าจะเป็นห้องต้อนรับที่สะท้อน พลังชีวิตของกรุงเทพฯ ผ่านงานต่อฟางโดย Muse Design จากวัสดุธรรมชาติท้องถิ่นอย่างฟางข้าวโพดและฟางข้าว ถ่ายทอดแสงไฟของเมืองยามค่ำคืนให้กลายเป็นศิลปะที่น่าชื่นชม

ในอีกฝากของบูติคคือห้องเครื่องประดับซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก “สวนสวรรค์” โดดเด่นด้วยฉากผนังพรรณไม้เมืองร้อน และฉากกั้นจากฝีมือของศิลปินชาวไทยอย่างคุณโอ๋ กรกชอารมย์ดีที่ถักทอจากเส้นใยธรรมชาติย้อมสีจากพืชพรรณไทย อาทิ เปลือกมะม่วง ขนุน และโหระพา พร้อมซุ้มรวงข้าวสีทองที่เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภและการต้อนรับอย่างไทย

เมื่อก้าวขึ้นสู่ชั้นบน ผู้มาเยือนจะได้พบกับ ห้องคอลเลกชัน Diamond และ Fine Jewellery ที่เจิดจรัสท่ามกลางศิลปะจัดวางร่วมสมัย ผ่านฝีมือของ Ease Studio และ Siam Celadon ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจในตลับแป้งโบราณปี 1946 ของแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีผลงานการปักผ้าฝีมือของคุณเมฆ อนุชาส่งเสริมที่ผสานเทคนิคโอต์กูตูร์จากฝรั่งเศสเข้ากับลวดลายไทยดั้งเดิมบนชุดโขนหลวง ถ่ายทอดดอกโมกอันเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความรุ่งเรืองผ่านลูกปัดทองคำ เส้นไหม และดิ้นทองอย่างประณีต

และสำหรับโซนวีไอพี ผู้ที่แวะเวียนมาจะได้สัมผัสกับงานศิลปะที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างแท้จริง กับผลงานของ อาจารย์มานพวงศ์น้อย ศิลปินแห่งชาติ ที่ใช้เทคนิคลงรักปิดทองและฝังเปลือกไข่ ถ่ายทอดได้ถึงภาพของดินแดนเหนือกาลเวลาอันไร้ที่ติ

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวบูติคแห่งนี้ Cartier ยังได้นำเสนอศิลปะการจัดแสดงสุดพิเศษจากปารีส 7 ชิ้น โดย 6 ชิ้นได้แรงบันดาลใจจากปารีส ส่วนอีก 1 ชิ้นรังสรรค์ขึ้นเพื่อกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะ สะท้อนให้เห็นถึงความงามของสถาปัตยกรรมไทยผ่านการตีความในแบบร่วมสมัย พร้อมนำเสนอ “Cartier Libre – Tuttitutti” คอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สะท้อนความกล้าในการสร้างสรรค์ ผ่านรูปทรง สีสัน และวัสดุที่เกินความคาดหมาย mujจัดแสดงเฉพาะที่บูติคสาขาสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 19 กันยายน 2568 เท่านั้น

บูติคแห่งใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดแสดงเครื่องประดับ แต่เป็นเสมือนแกลเลอรี่ที่มีชีวิตที่หลอมรวมศิลปะ จินตนาการ และวัฒนธรรมไว้ด้วยกันอย่างวิจิตรหรูหรา พร้อมเปิดประสบการณ์ให้ทุกคนได้สัมผัสกับความประณีตระดับโลกในแบบฉบับของ Cartier

Share

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Search