#legendFashionReview by มานิต มณีพันธกุล @kaimanit

ท่ามกลางเหล่าบรรดาแบรนด์แฟชั่นไทยร่วมสมัยที่ยังคงยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ ชื่อของ Issue โดย ภูภวิศ กฤตพลนารา คือหนึ่งในแบรนด์ไทยสุดรักที่เราคุ้นเคยกันมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมาจนรู้ดีว่าจะซื้อใจเหล่าผู้ชมทั้งเก่าและใหม่ที่เบียดเสียดกันแน่นขนัด สมศักดิ์ศรึโชว์เปิดประจำ #SiamParagonBIFW2025 ได้อย่างน่าดีใจ นั่นยังไม่นับรวมกับการผสานหลักการตลาดสุดลึกล้ำล่อซื้อเหล่าแฟนคลับใจจงมั่นให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ใหม่ Made in Thailand ที่หยิบยกเอามนต์เสน่ห์ของผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ท้องถิ่นอย่างเครื่องจักสานมารังสรรค์เป็นคอลเลกชันเสื้อผ้าร่วมสมัยที่นำตั้งใจเสนอความสนุกสนานและสะท้อนความเป็นไทยผ่านมุมมองใหม่ แสดงให้เห็นว่า Made in Thailand = Made of Everything Thai

เอาล่ะ นั่นคือประโยคบอกเล่าที่เห็นชัดถึงความตั้งใจที่มีของดีไซเนอร์คนดังเป็นอย่างดี สิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนรันเวย์ที่ยังคงมาพร้อมกับกลิ่นกำยานหอมช่วยการันตีให้เราได้ว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่เราหลงรักในโชว์ Issue ทุกครั้งนั้นยังคงอยู่ ก่อนที่จะเผยให้เห็นลุคใหม่ที่ครั้งนี้ภูภวิศซึ่งดูเหมือนจะต้องมนตร์พ่อครูภรัณจากซีรี่ย์ดัง “เขมจิรา ต้องรอด” เข้าอย่างจัง ถึงกับออกคอลเล็กชั่นพิเศษที่ข้ามภพไปคอลแลบออกมาเป็นลุคใหม่เอาใจแฟนๆ ที่มาพร้อมกับลุคง่ายใส่สนุกพร้อมทั้งพิสูจน์ชัดว่าเมื่อมาถึงเรื่องป้อปคัลเจอร์แบบไทยๆ แล้ว Issue ยังคงยืนหนึ่งในการจับกระแสก่อนใครเสมอมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าภูภวิศดูจะเป็นดีไซเนอร์ไทยคนแรกๆ ด้วยซ้ำที่จับเอากระแสวัฒนธรรมป้อปร่วมสมัยมาผสมลงไว้ทั้งในนอกหน้าหลังโชว์ของตัวเองมาทุกยุค ทำให้เราวางใจได้ว่า ถึงจะเป็นผลงานที่ส่งมาเรียกกระแสให้กับโชว์ แต่ก็ยังคงความเป็น Issue ที่ไม่ถูกคาถาของพ่อครูครอบงำจนทิ้งความเป็นตัวเองไป

ความเป็น Issue จริงๆ มาปรากฏเด่นชัดในองค์ที่สองของโชว์ เมื่อชิ้นเด็ดลุคสำคัญของแบรนด์มีมาครบครันทั้งชุดกระโปรงสั้น ชุดคาฟตัน ชุดสูทกระโปรง เสื้อเชิ้ตกางเกง ทึ่ครั้งนี้ดูโดดเด่นด้วยการเล่นกับเทคนิคตัดต่อลายผ้าไหมลวดลายสีสวยที่เจ้าตัวคลุกคลีในระยะหลังๆ พร้อมกับการปักดีเทลประดับอย่างเบามือ ก่อนที่จะขยับไปเล่นกับสีสันอย่างฟ้า เขียว เหลือง ชมพูสด และแดง บนสไตลิ่งที่เบามือกว่าครั้งเก่าแต่เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากพาร์ทแรกได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวของแบรนด์ได้อย่างน่าชื่นชมในยุคที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ตัวเสื้อมากกว่าที่จะใช้พรอปพูนเพื่อเล่าเรื่องแบบเก่าก่อน ทั้งนี้คงต้องยกเครดิตให้กับภูภวิศที่เปลี่ยนมุมกลับปรับมุมมองลองลดทอนเพิ่มเติมและตัดต่อทั้งลุคและวิธีการเล่าเรื่องในโชว์ ซึ่งนั่นนับรวมถึงการแคสติ้งและจังหวะในการปล่อยของตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถึงแม้อาจจะยัง…ไม่ใหม่ไปเสียทั้งหมด แต่ก็นับว่าที่เห็นในโชว์นี้ มันเริ่ดเลยแหละ!

ซึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าแม้เวลาล่วงเลยไปเท่าไร ภูภวิศยังคงมีเหล่าแฟนๆ ทั้งเก่าและใหม่จับมือพร้อมนำพา Issue ให้ผ่านและพ้นทุกช่วงความเปลี่ยนผ่านใดๆ ไป เราเชื่อแบบนั้น แม้ในบางช่วงเวลาใดอาจมีสิ่งท้าทายเข้ามาในความเป็นจริงของสนามแฟชั่นไทย แต่ขอแค่ใจของคนทำงานจงมั่น เราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรแล้ว Issue ก็ต้อง รอด!
