Cover Story: คุยกับ ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส สุเมตติกุล ถึงบทบาทใหม่ และมุมมองชีวิตที่เขาได้เรียนรู้จากโลกของการแสดง
Author: Zaneta Chang & Phuriwat Hirunrangsee | Photographer: -
Apr 10, 2024
"...ความสำเร็จจากบทบาทของ ‘เวกัส’ ใน ‘KinnPorsche The Series’ ทำให้ ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส สุเมตติกุล นักแสดงวัย 26 ปีที่จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกล ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนนี้ มุ่งมั่นที่จะพบกับความท้าทายใหม่ๆของชีวิต เขาเปิดใจกับ #Legend ถึงตัวตน, การที่เคยถูกปฏิเสธ และสิ่งที่จะทำให้ตัวเขาจะไม่ถูกหลงลืม..."
“มันเป็นช่วงชีวิตที่สนุกและลุยมากครับ” นักแสดงหนุ่มที่เติบโตในจังหวัดเชียงใหม่ให้นิยามชีวิตในวัยเด็กของเขาที่ใช้ชีวิตกับธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง “ผมรักธรรมชาติ ชอบไปแคมป์ปิ้ง ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวน้ำตกลุยๆกับเพื่อน” ไบเบิ้ลเข้าเรียนไฮสคูลในโรงเรียนนานาชาติที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนๆจากต่างชาติต่างภาษาซึ่งเป็นความตั้งใจของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะให้เขาสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เหมือนเป็นภาษาของตัวเอง
แต่ก่อนจะมาเป็นนักแสดงที่มีแฟนๆติดตามเขามากถึงสองล้านกว่าคน ไบเบิ้ลได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมันเต็มไปด้วยการถูกปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นการคัดตัวนายแบบที่เขามักจะไม่ได้รับคัดเลือกเนื่องจากความสูงที่น้อยกว่ามาตรฐานไปแค่ 5 เซนติเมตร หรือการถูกปฏิเสธจากการคัดเลือกตัวแสดงในโฆษณาเพียงเพราะพูดภาษาไทยได้ไม่ชัด แม้เส้นทางตอนนั้นอาจไม่ได้ราบรื่นแต่เขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยความเข้าใจ “ในตอนนั้นผมคิดว่าการเป็นนายแบบหรือนักแสดงจะมาเป็นอาชีพหลักของเรา ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ...พอผมมองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราโฟกัสจริงๆในตอนนั้น มันทำให้ผมเข้าใจการถูกปฏิเสธได้ไม่ยากครับ”
ถึงแม้จะเจอกับอุปสรรคในเรื่องของภาษาไบเบิ้ลก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาเริ่มฝึกพูดภาษาไทยให้ชัดเพื่อใช้ในการแสดงด้วยความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่มีความฝันจะเป็นผู้กำกับ และได้มาแคสติ้งบท ‘เวกัส’ ตัวละครในเรื่อง ‘KinnPorsche The Series’ จากการแนะนำของรุ่นพี่คนเดียวกัน
“หลังจากการแคสติ้งครั้งแรกผมได้รับการติดต่อกลับว่าผ่านเข้ารอบซึ่งผมดีใจมาก และได้รับบทพูดที่จะต้องใช้ในการคัดตัวรอบต่อไป ผมกับรุ่นพี่ใช้เวลาสามวันสองคืนในการทำการบ้านเพื่อเข้าถึงเบื้องลึกของตัวละคร ผมว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมได้รับบทเวกัสครับ”
ในระหว่างที่ไบเบิ้ลรับบทบาทการแสดงเป็นเวกัสในคินน์พอร์ชเดอะซีรีส์เขาต้องแบ่งเวลาให้ลงตัวเพื่อเข้าเรียนคลาสออนไลน์ของมหาวิทยาลัยไปด้วย แม้มันจะไม่ค่อยลงตัวในช่วงแรกแต่เขาก็ผ่านมันมาได้และจบการศึกษาในปีต่อมา นอกจากการแสดงจะทำให้เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ของชีวิต เขายังได้รู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านโลกของการแสดง
“ตอนที่ผมได้เริ่มศึกษาตัวละครและเรียนการแสดง ผมยิ่งได้เรียนรู้ว่าผมรู้จักตัวเองน้อยแค่ไหน ผมไม่ได้ใช้เวลาทบทวนหรือสะท้อนความรู้สึกของตัวเองมากเท่าที่ควร ผมเหมือนตั้ง autopilot ไว้และใช้ชีวิตไปเรื่อยๆแบบนั้น
การที่ผมได้มีโอกาสมาเป็นนักแสดงมันทำให้ผมได้รู้ว่า อะไรที่เป็นแรงกระตุ้น อะไรทำให้ผมเศร้า และอะไรทำให้ผมมีความสุข คนเรามักจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้เราเศร้า แต่ผมกลับไม่ค่อยได้ใส่ใจและให้ความสำคัญว่าแล้วอะไรทำให้ผมมีความสุข? แต่ในบทบาทของนักแสดงคุณจำเป็นต้องรู้ทั้งสองอย่าง เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครทั้งความสุขและความทุกข์”
ไบเบิ้ลกำลังจะได้รับบทบาทสำคัญอีกครั้งในซีรีส์เรื่องใหม่ ‘4 Minutes’ รับบทนำร่วมกับ ‘เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์’ “ผมยังไม่ค่อยได้ร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นมากนักเพราะผมเล่นคินน์พอร์ชเดอะซีรีส์เป็นเรื่องแรก แต่สำหรับเรื่องนี้ผมคิดว่ามันมีอะไรที่แตกต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับประสบการณ์ ผมรู้สึกได้จากการที่ทำเวิร์ปช้อปการแสดงร่วมกับเจสครั้งแรก มีอะไรที่ผมจะต้องเรียนรู้อีกเยอะจากเขาและมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องค้นหา”
เมื่อถามถึง #legend ของไบเบิ้ล เขาคิดถึง ‘Dolph Lundgren’ นักแสดง, ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และแชมป์ศิลปะการป้องกันตัวชาวสวีเดน “เขารับบทเป็นตัวร้ายในเรื่อง ‘Rocky IV’…เขาจบปริญญาตรีและโทสาขาวิศวกรเคมีและได้รับทุน Fulbright Scholarship เพื่อศึกษาต่อที่ MIT เขาอยู่ในวงการวิชาการมาก่อนที่จะผันตัวเป็นนักแสดง Dolph ตัวสูงกำยำและหล่อมากครับ เขาดูดี การศึกษาดี และฉลาด สำหรับผมเขามีครบทุกอย่างครับ”
แม้ว่าจะมีดาราสวีเดนรุ่นใหญ่เป็น #legend ในใจเขา แต่ไบเบิ้ลเลือกที่จะเป็นนักแสดงที่ดีในแบบของตัวเอง “ไม่ว่าจะเป็นละครหรือภาพยนตร์ไม่ว่าเรื่องราวของมันจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่สุดท้ายก็เริ่มต้นมาจากความต้องการและแรงกระตุ้นพื้นฐานของมนุษย์...ผมอยากจะเป็นนักแสดงที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาให้ดี” หลังจากการทำงานในวงการทำให้เขาได้ใคร่ครวญและรู้จักตัวเองดีขึ้น เขารู้ความต้องการของตัวเองในตอนนี้รวมถึงสิ่งที่เขาอยากจะเป็นในอนาคต
“ตอนนี้เป้าหมายของผมคือการเป็นนักแสดง ผมอยากจะทำมันไปนานๆและไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่ผลักดันผมได้ดีคือการที่ผมอยากจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ผมไม่จำเป็นต้องเอาชนะใคร แค่ตัวผมพัฒนาขึ้นจากเดิม แค่นั้นก็พอ...เป้าหมายสูงสุดของผมตอนนี้คือการได้เป็นพ่อและเป็นหัวหน้าครอบครัว ผมเคยพูดแบบนี้มาก่อน ผู้คนจะหลงลืมคุณ อาจจะ 10, 15 หรือ 30 ปีหลังจากนี้ จะไม่มีใครจดจำคุณได้ไม่ว่าคุณจะเคยมีชื่อเสียงมากแค่ไหน แต่ลูกของคุณจะไม่มีวันลืมคุณ และนั่นจะเป็นสิ่งที่ผมทิ้งเอาไว้ให้คนจดจำครับ”
CREDITS
Creative concept and production / #legend
Photography / Somkiat Kangsdalwirun
Styling / Kontee Pamaranont
Hair / Teeraphat Yangsaiphai
Makeup / Puu Kitipat