ก่อนจะก้าวเข้าสู่ปี 2026 เราอยากชวนคุณมองย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม แต่เผลอทำอะไรที่ทำร้ายผิวหน้า ผิวกาย รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะโดยไม่ตั้งใจ ถ้าหากตั้งปณิธานเอาไว้ว่าปีหน้าจะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ลองเริ่มปรับ Self-Care Ritual จากลิสต์นี้ บอกลาข้อผิดพลาดและนิสัยเดิม เพื่อเป็นคุณคนใหม่ในเวอร์ชั่นที่สวยหล่อและรู้สึกมั่นใจในทุกๆ วัน
1. The End of Argressive Scrubbing
ควรเลิกนิสัยการขัดผิวอย่างรุนแรง แล้วการขัดผิวที่มากเกินความจำเป็นก็ไม่ได้ช่วยให้ผิวสะอาดขึ้นหรือสุขภาพดีขึ้น แต่กลับทำลายสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวระคายเคือง เกิดรอยแดง ผิวไวต่อสิ่งกระตุ้น และอาจนำไปสู่ปัญหาสิวในระยะยาว หลายคนเผลอทำร้ายผิวตัวเองด้วยการใช้สครับที่มีเม็ดบีดหยาบกระด้าง ยิ่งขัดยิ่งทำลายผิว แทนที่จะออกแรงขัดสุดแรงเกิด ลองผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง สำหรับขั้นตอนการทำความสะอาดและขจัดเมกอัพ ลองเปลี่ยนมาใช้คลีนเซอร์เนื้อครีมหรือเนื้อบาล์ม นอกจากจะช่วยลดการเสียดสีจากฝ่ามือหรือสำลีได้ดีกว่า ยังช่วยรักษาระดับความชุ่มชื่นให้ผิว และไม่เป็นการรบกวนเกราะป้องกันผิว
Try This:

Elemis Pro-Collagen Cleansing Balm (100 กรัม 2,700 บาท) บาล์มทำความสะอาดเครื่องสำอาง ช่วยถนอมผิวและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนด้วยส่วนประกอบสำคัญอย่าง Elderberry Oil, Starflower Oil และ Panida Pavonica
2. The Expired Product Pile-Up
ถึงเวลายอมรับความจริงว่า มาสคาร่าแท่งโปรดหรือรองพื้นที่เปิดใช้มาตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่ผ่านมานั้นอาจหมดอายุไปแล้ว ถึงเวลาจัดระเบียบโต๊ะเครื่องแป้งครั้งใหญ่ โดยเฉพาะมาสคาร่าและอายไลเนอร์สูตรน้ำซึ่งมีอายุการใช้งานสั้นเพียง 3-6 เดือน ให้ตรวจสอบวันหมดอายุหลังเปิดใช้ โดยพลิกผลิตภัณฑ์ดูสัญลักษณ์ PAO (Period After Opening) หรือรูปกระปุกเปิดพร้อมตัวเลขจำนวนเดือนที่กำกับอยู่ และหากสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของกลิ่น เนื้อสัมผัส หรือสี แม้จะยังไม่ถึงกำหนด ก็ควรหยุดใช้และทิ้งทันทีเพื่อความปลอดภัยของผิวและดวงตา
3. Overwashing Our Hair
การสระผมทุกวันหรือวันละสองครั้ง อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับใครหลายๆ คน แต่คุณคงยังไม่ทราบว่าการสระผมบ่อยเกินไปก็เป็นสาเหตุของการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะได้เช่นกัน เพราะจะทำให้หนังศีรษะสูญเสียซีบัม (Sebum) ซึ่งการขาดซีบัมจะทำให้ผมแห้งเสีย หยาบกระด้าง และที่แย่กว่านั้น หนังศีรษะจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย ทำให้ผมมันเร็วกว่าเดิม ทางที่ดีคือควรยืดระยะเวลาการสระผม โดยเว้นช่วงทุก 2-3 วัน สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบออกกำลังกาย สามารถใช้ดรายแชมพูเพื่อลดความมันและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ มอบความรู้สึกสะอาดเหมือนเพิ่งสระผมเสร็จใหม่ๆ
Try This:

OUAI Super Dry Shampoo (127 กรัม 1,290 บาท) ตัวช่วยกลบผมมันโดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการสระผมแบบเต็มขั้นตอน แค่ฉีดเบาๆ ก็ช่วยคืนความเฟรชให้เส้นผม มาพร้อม 2 กลิ่นหอม Cape Town และ Melrose Place

Phyto Phytocyane Invigorating Shampoo (250 มล. 800 บาท) แชมพูสำหรับผู้หญิง อุดมด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วย ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโปร-วิตามินบี 6 และบี 5 และสารสกัดจากโรสแมรี่ออร์แกนิก ช่วยฟื้นบำรุงหนังศีรษะและคืนชีวิตชีวาให้กับเส้นผม
4. Ignoring the Body’s Skincare Needs
เรามักให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้าอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การทำความสะอาดสองขั้นตอน การลงเซรั่ม ไปจนถึงการทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่ในขณะเดียวกันผิวกายกลับถูกละเลย ทั้งที่ผิวบริเวณคอ หน้าอก และมือ เป็นส่วนที่เผยอายุได้ชัดไม่แพ้ใบหน้า และควรได้รับการดูแลอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน ถึงเวลาขยายการดูแลผิวให้ครอบคลุมลงมาถึงบริเวณต่ำกว่าคาง เริ่มจากการเลือกใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวกายโดยเฉพาะ และบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำขณะที่ผิวยังหมาดด้วยเซรั่มหรือออยล์ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด
Try This:

Sol de Janeiro Body Badalada™ Vitamin-Infused Lotion (400 มล. 1,290 บาท) บอดี้โลชั่นสำหรับเติมความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยคุณค่าการบำรุงจากอ้อยบราซิล นำ้มันถั่วบราซิล และกรดไฮยาลูรอนิค 7 ชนิด

Nuxe Huile Prodigieuse Multi-Purpose Dry Oil (100 มล. 1,690 บาท) ออยล์อเนกประสงค์สำหรับบำรุงผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม อุดมด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 97% พร้อมสารสกัดจากออยล์ธรรมชาติ 7 ชนิด มอบความชุ่มชื้น ช่วยลดรอยแตกลาย และปกป้องผิวจากมลภาวะ
เมื่อเราปิดฉากปี 2025 ด้วยการปรับทัศนคติในการดูแลตัวเอง บอกลานิสัยเดิมๆ หันมาใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและอ่อนโยนต่อสุขภาพผิวมากขึ้น แม้จะเริ่มจากขั้นตอนพื้นฐานที่ดูเรียบง่าย แต่เชื่อเถอะว่าการดูแลผิวพรรณและเรือนร่างอย่างเข้าใจและสม่ำเสมอ จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ยั่งยืนแน่นอน



