“…ท่ามกลางเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว การมาถึงของ ÆTHER บนชั้น 44 ณ อาคาร Central Park Offices จึงไม่ได้เป็นเพียงการเปิดตัวรูฟท็อปแห่งใหม่ หากแต่คือการตั้งคำถามกับภาพจำเดิมของช่วงเวลาไนท์ไลฟ์ใจกลางเมือง ที่มาพร้อมประสบการณ์ที่หลอมรวมดีไซน์ ดนตรี และศิลปะแห่งการสังสรรค์เข้าไว้ด้วยกันอย่างมีชั้นเชิง…”

หากจะถามว่า แล้วแท้จริง ÆTHER นั้นมีที่มาอย่างไร คำตอบคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก ค็อกเทลเลานจ์โฉมล่าสุดจาก Watermelon Group ที่เลือกใช้ภาษาการออกแบบแบบ Futuristic เป็นแกนหลัก ถ่ายทอดผ่านโครงสร้าง เส้นสาย แสง และวัสดุที่สะท้อนถึงความล้ำยุคและความประณีตในรายละเอียด พร้อมไปกับทิวทัศน์ระดับพาโนรามาของกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี ที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้เหมือนลอยอยู่เหนือเมืองในอีกชั้นของบรรยากาศ
เมื่อพูดถึงกันเรื่องราวของการออกแบบแล้ว ÆTHER นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นขอบฟ้าย่านสีลม ด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่นตั้งแต่ลำโพงสีเงินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านรับแสงอาทิตย์ เฟอร์นิเจอร์มากอัตลักษณ์แต่แฝงด้วยความสบายอย่างลึกซึ้ง ไปจนถึงการออกแบบแสงที่เปลี่ยนท้องฟ้ายามค่ำคืนให้มีมิติและอารมณ์ที่แตกต่างในแต่ละช่วงเวลา

ซึ่งเดิมทีแล้วคำว่า “Æther” นั้นมีสื่อความถึงเทพเจ้าแห่งแสงและชั้นบรรยากาศในตำนานกรีก ที่สอดแทรกไปด้วยคอนเซ็ปต์ที่ผสมผสานความเท่ ความล้ำ และศาสตร์แห่งการทดลองเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ที่ทั้งดึงดูดสายตาและอนุญาตให้ผู้ที่แวะเวียนมาได้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ในเชิงอารมณ์อย่างแท้จริง
และในฐานะของการเป็นเลาจ์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดของ Watermelon Group ทำให้ ÆTHER เองเป็นดั่งการขยายแผนที่ทางความคิดสร้างสรรค์ไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังของเมือง เพราะรูฟท็อปแห่งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความสวยงาม หากแต่ขับเคลื่อนด้วยดีไซน์และดนตรี เพื่อตอบโจทย์ผู้คนเมืองที่มองหาประสบการณ์ร่วมสมัย และพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ได้กลับมาเชื่อมต่อกับตัวเองอีกครั้ง
“ÆTHER ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้กลับมามีความสุขกับโมเมนต์ปัจจุบัน”
ภัทริสร์ จิตรถเวช ผู้ร่วมก่อตั้ง Watermelon Group
ในส่วนของรสสัมผัส และเครื่องดื่มเลิศรส โปรแกรมเครื่องดื่ม ณ ÆTHER ได้ถูกออกแบบโดย เดปป์–นพป์เศรษฐ์ หิรัญวาทิต ผู้เป็น Head Bartender จาก Rabbit Hole ที่เชี่ยวชาญด้านการผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่แบบ Progressive ไม่ว่าจะเป็นการกลั่น การควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ หรือการสกัดรสชาติจากวัตถุดิบ เพื่อสร้างประสบการณ์การดื่มที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของค่ำคืน

โดนเมนูไฮไลท์ของ ÆTHER ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะที่สื่อความถึงอารมณ์และชั้นบรรยากาศที่แตกต่างกัน อันไดแก่ GROUND STATE เช่น AWAKEN.ING ใช้เทคนิคการหมักและการรมควัน เปิดประสาทสัมผัสในช่วงต้นค่ำ; TRANSCEND กับเมนูอย่าง CITY FLORA ที่เน้นกลิ่นหอมของดอกไม้และซิตรัส ยกระดับความชัดเจนและความสนุก และ EXOSPHERE . BEYOND เช่น AETHERIA เครื่องดื่มเบาบาง ละเอียดอ่อน เปรียบเสมือนการลอยอยู่ในความเงียบงันและแสงสุดท้ายของค่ำคืน

แต่ความน่าสนใจยังไม่ได้หมดลงเพียงเท่าที่กล่าวมา เพราะ “ดนตรี” เอง ยังเป็นอีกหนึ่งหัวใจของ ÆTHER โดยเลือกแนว Deep House เป็นแกนหลัก ถ่ายทอดอารมณ์ของเมืองผ่านเสียงดนตรีที่เคลื่อนไหวไปกับแสงและท้องฟ้า ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ตกจนถึงยามดึก ที่ซึ่งในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ÆTHER ยังได้รับเกียรติจาก Britta Arnold ดีเจระดับนานาชาติ ที่มาร่วมแสดงซาวด์อิเล็กทรอนิกส์แบบเบอร์ลิน พร้อมไลน์อัปดีเจทั้งไทยและต่างประเทศที่หมุนเวียนมาสร้างบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง

ด้วยวิวพาโนรามาเหนือสวนลุมพินี พื้นที่เลานจ์ที่ให้ความเป็นส่วนตัว และคอนเซ็ปต์ประจำถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ ÆTHER กลายเป็นจุดหมายใหม่สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเฉลิมฉลองจากมุมมองที่แตกต่าง โดยเฉพาะในช่วงปลายปีและคืนข้ามสู่ปีใหม่ เพราะ ÆTHER ไม่ได้ชวนให้คุณหลบลี้จากความเป็นเมืองที่เร่งรีบและวุ่นวาย หากแต่เปิดมุมมองใหม่ที่ ช้าลง ลึกขึ้น และอนุญาตให้คุณได้อยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง



