Chaumet ผสานความมหัศจรรย์ของธรรมชาติเข้ากับศิลปะแห่งการรังสรรค์เครื่องประดับชั้นสูง Jewels by Nature คือคอลเลกชันที่เปรียบเสมือนบทสตุดีแต่สมบัติอันล้ำคาที่ธรรมชาติมอบให้ ทั้งจากพฤกษาและสรรพสัตว์ ถ่ายทอดความงามจากธรรมชาติได้อย่าง น่าหลงไหล คอลเลกชันนี้ดำเนินเรื่องราวผ่านความงามของธรรมชาติในสามบท Everlasting, Epemeral และ Revival จิวเวลรีทั้ง 54 ผลงานจึงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเคารพในธรรมชาติ ซึ่ง Chaumet ดำรงไว้ตลอด 245 ปี
Everlasting วัฏจักรอันเป็นนิรันดร์
บทแรกกล่าวถึงพันธุ์ไม้ที่มีวงจรชีวิตไม่สิ้นสุด พบเห็นได้ในธรรมชาติ เช่น กุหลาบป่า โคลเวอร์ เฟิร์น และ Field Star ที่ผลิบานท่ามกลางรวงข้าว พืชแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์งามเฉพาะตัว และบางชนิดเคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานของ Maison มายาวนานไฮไลต์อย่าง Wild Rose ได้แรงบันดาลใจจากเทียร่ากุหลาบ ป่าชิ้นเอกของ Joseph Chaumet ในปี 1922 เกสรสีเหลืองทอง ถูกถ่ายทอดผ่านเพชรแฟนซีสีเหลืองอันเลอค่า โดยเฉพาะเพชร Fancy Vivid Yellow 8.23 กะรัต (VS2) ที่ส่องประกายอยู่กลางสร้อยคอซึ่งสามารถแปลงโฉมได้ถึงสามรูปแบบด้วยกลไกตะขอเพียงจุดเดียว ตัวเรือนใบกุหลาบประดับเพชรอย่างซับซ้อน ใช้เวลากว่าสามเดือนครึ่งในการรังสรรค์ และในเซตก็ยังมีแหวนแปลงโฉมและ ต่างหูเพชรแฟนซีสีเหลืองที่เข้าชุดกันอย่างลงตัว
ในขณะที่จิวเวลรีเซต Oat and Field Star ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากศิลปะงานทอง สู่เครื่องประดับร่วมสมัย รวงข้าวตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ที่ดูพลิ้วไหวราวต้องสายลมจับคู่กับดอก Field Star ตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรและเพชรแฟนซีสีเหลืองทรงคุชชั่นรวม 8.32 กะรัต เครื่องประดับในเซตนี้ประกอบด้วยต่างหูอสมมาตรที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการสวมใส่ได้ ใช้เวลาสร้างสรรค์กว่า 1,300 ชั่วโมงในเวิร์กช็อป 12 Vendome
Clover and Fern เปรียบได้ดั่งบทสนทนาระหว่างใบเพิร์นและโคลเวอร์สี่แฉก ซึ่งมีต้นแบบจากเข็มกลัดอีนาเมลใสสีเขียวประดับเพชรในปี 1853 โดย Jules Fossin สร้อยคอเปรียบเสมือนสวนเฟิร์นประดับด้วยเพชรที่มีโคลเวอร์สี่แฉกบานสะพรั่ง ประดับมรกตโคลอมเบียแบบไม่ผ่านการปรับแต่ง น้ำหนักรวม 11.63 กะรัต ตัวเรือนไวท์โกลด์ช้อนเลเยอร์เพื่อถ่ายทอดความพลิ้วไหวของตัวสร้อยพร้อมการฝังเพชรด้วยเทคนิค cut-down, bezel และ illusion อย่างงดงาม
Ephemeral ความงามอันแสนเปราะบาง
ในบทที่สองนั้นเป็นดีไซน์ที่ยกย่องดอกไม้ซึ่งบานเพียงชั่วครู่แต่มีความสวยงามที่ตราตรึงใจ ทั้ง Sword-Lily, Carnation และ Sweetshrub ดอกคาร์เนชันถูกจินตนาการขึ้นใหม่ในโทนสิน้ำเงินซิกเนเซอร์ของเมซงซึ่งไม่พบในธรรมชาติ ดอกคาร์เนชันหกดอกไล่เฉดประดับด้วยแซปไฟร์สามสีตั้งแต่ฟ้าใสถึงน้ำเงินลุ่มลึก เรียงร้อยอย่างประณีตในสร้อยคอรูปตัว V ที่สื่อถึงลวดลาย aigrette อันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง พร้อมประดับแซปไฟร์ซีลอน 36.44 กะรัตซึ่งสามารถถอดสวมเป็นจี้เดี่ยวกับสายสร้อยเพชรได้
ในขณะที่สวอร์ดลิลลี่ถ่ายทอดความงามของทับทิมโมซัมบิก 14.03 กะรัต ผ่านเส้นเถาเพชรที่พันรอบลำคออย่างอ่อนช้อย ด้วยการใช้เทคนิค fil couteau ให้โลหะดูล่องหนราวกับว่าอัญมณีนั้นลอยอยู่กลางอากาศ และยังต่อยอดแรงบันดาลใจสู่นาฬิกาซ่อนความลับที่ฝาเปิดประดับดอกไม้สองดอกซ้อนกันเมื่อเลื่อนออกจะเผยให้เห็นหน้าปิดอีนาเมล grand feu สีแดงโดย Anita Porchet ที่รับกับลาย guilloche ที่สลักด้วยมือ
สำหรับเครื่องประดับ Sweetshrub นั้นสืบสานมรดกงานมุกของโซเมต์มาตั้งแต่ปี 1805 ด้วยสร้อยคอไข่มุกน้ำจืดชมพูประกายงามขนาด 10 มม. ร้อยเรียงเข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ กลางจี้ดอกไม้ประดับสปิเนลชมพูอมม่วง 44.23 กะรัตเสริมความสง่างามด้วยเข็มกลัดผีเสื้อฉลุโปร่งที่เผยโครงปีกละเอียดดุจลูกไม้ประดับประดาด้วยสปิเนล
Reviving การฟื้นคืนของธรรมชาติ
บทสุดท้ายชวนรำลึกถึงพันธ์ไม้ที่จักรพรรดินีณอเซฟินทรงโปรด เช่น แมกโนเลีย ไอริส ดาเลีย และบัว พร้อมเหล่าสรรพชีวิตที่มาเติมความสมบูรณ์ให้ฉากธรรมชาติ Magnolia Grandiflora ถ่ายทอดทุกช่วงชีวิตของดอกแมกโนเลียผ่านเพชรล้วน ตั้งแต่เข็มกลัดรูปใบไม้เพชรกว่า 8 กะรัตไปจนถึงสร้อยคอประดับเพชรหยดน้ำ D FL type la ขนาด 5.26กะรัต ใช้เวลากว่า 1,150 ชั่วโมง
นกบลูทิตในรูปแบบเข็มกลัดถอดแบบ ปีกจากลักษณะของขนนกจริงอย่างละเอียดด้วยการฝังอัญมณีแบบ grain-set ซ่อนเพชรหยดน้ำ 1 กะรัตอย่างแนบเนียน
ส่วนเครื่องประกับเซต Iris เปลี่ยนรูปแบบจากกลีบดอกทองคำในอดีตมาสู่สร้อยเพชรประดับสปิเนลเฉดสีพาสเทล น้ำหนักรวม 24.36 กะรัต เสริมด้วยแหวนสปีเนลม่วง 6.10 กะรัต และเข็มกลัดแมลงปอที่เปล่งประกายด้วยแซปไฟร์และเพชร
สำหรับจิวเวลรีในเซต Dahlia ถ่ายทอดพลังและความอ่อนช้อยในรูปแบบมงกุฎร่วมสมัย เปลี่ยนรูปแบบการสวมใส่ได้ถึงห้ารูปแบบพร้อมสร้อยคอใช้เวลากว่า 1,300 ชั่วโมง
ในขณะที่สร้อยคอ Water Lily ตัวเรือนฉลุโปร่งประดับสปิเนลชมพู 4.51 กะรัด สปิเนลม่วง 6.12 กะรัต และอิมพีเรียลโทแพซ 23.11 กะรัตที่สามารถถอดออกได้พร้อมแหวนและต่างหูเข้าชุดเผยความงามของบัวที่บานจากใต้น้ำมาลู่เครื่องประดับอย่างลงตัว
ปิดท้ายด้วยเครื่องประดับรูปผึ้งซึ่งเป็นหัวใจของระบบนิเวศ ปรากฏในรูปแบบเข็มกลัดเจ็ดชิ้น โดดเด่นด้วยตัวเรือนลวดลายรั่งผึ้งอันพิถีพิถันไปจนถึงก้านจับ ผึ้งนั้นสงางามราวกับ บินเก็บเกสรจากอัญมณีแต่ละดอกเพื่อรังสรรค์ความงามให้โลกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
