มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ ในวันที่ทุกมิติของชีวิตดำเนินไปอย่างที่เขาตั้งใจ
Author: Phuriwat Hirunrangsee | Photographer: Somkiat Kangsdalwirun
Dec 02, 2024
“ผมขอใช้คำว่าศิลปินครับ” คำนิยามที่มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ ให้ความจำกัดความตัวเองสำหรับบทบาทในวงการบันเทิง จากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบการแสดงจนได้มีโอกาสต่อยอดและพิสูจน์ตัวเองทั้งในฐานะนักแสดง และนักร้อง จนวันนี้เขามีบริษัท Mew Suppasit Studio เป็นของตัวเอง รวมถึงผลงานเพลงอัลบั้มเต็ม 365 (Three Six Five) ล่าสุดเขาได้ปล่อยเพลง Absence ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างสรรค์มาจากความรู้สึกของเขา
“ผมเหมือนเป็นผู้สร้างผลงาน คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานแสดงงานร้องเพลงหรือว่างานศิลปะด้านอื่นๆ รวมทั้งในพาร์ทของธุรกิจผมก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นศิลปินเหมือนกันครับ... ‘Absence’ เพลงช่องว่างหัวใจมันเป็นการกลับมาทําเพลงที่เป็นตัวของตัวเองนะครับ เพราะช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มเต็มไปแล้ว ก็เว้นมาน่าจะปีกว่าเกือบสองปีได้ ระหว่างนั้นก็จะมีร้องเพลงประกอบละครนู่นนี่ไปแต่ว่าอันนี้กลับมาเป็นอัลบั้มของตัวเองและก็จะกลับมาในโทนป็อป แน่นอนว่าเพลงนี้มีเรื่องราวชัดเจนเลยคนที่เล่นมิวสิควีดีโอก็ชัดด้วย (ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย) ก็ต้องการให้คนที่ได้ฟังเพลงนี้เรียกว่าได้ความอบอุ่น คําว่าช่องว่างหัวใจมันอาจจะรู้สึกโหวงเหวง แต่เพลงนี้จะเป็นตัวที่กลบความโหวงนี้ภายในใจของทุกคนที่ได้ฟัง ผมตั้งใจทั้งเรื่องดนตรีทั้งเนื้อเพลง เต็มที่มากกับคอนเซ็ปต์เพลงนี้ครับ สำหรับผลงานเพลงสากลก็จะมีครับ ตั้งใจว่าจะค่อยๆ ปล่อยทีละซิงเกิ้ลมาจนเต็มอัลบั้มเหมือนเดิมครับผมก็รอติดตามกันได้ครับ”
ในงานเปิดตัวเพลง ‘Absence’ ที่ได้พาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย มาร่วมแสดงในมิวสิควีดีโอ เขาได้คุกเข่าขอแต่งงานต่อหน้าผู้มาร่วมงานนับร้อย นับเป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับคนจำนวนมาก กว่าจะมาถึงการขอแต่งงาน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นอย่างเป็นธรรมชาติและค่อยๆ ผลิบานเป็นความรักที่สวยงามซึ่งทุกคนร่วมชื่นชมไปพร้อมกัน
“รู้จักกันมาน่าจะเป็น 10 กว่าปีได้แล้วครับเจอกันครั้งแรกสมัยมหาวิทยาลัยเลยเหมือนไปช่วยงานเพื่อนด้วยนะเป็นงานเดินแบบของเพื่อนที่ศิลปกรรม จุฬาฯ เจอกันครั้งแรกหลังเวทีตอนนั้นแหละครับก็มีโอกาสได้คุยกันเยอะ แล้วหลังจากนั้นก็ติดต่อกันมาเรื่อยพูดคุยกัน แล้วจะมีช่วงก่อนคบกันที่เหมือนได้มีโอกาสมาทํางานด้วยกันและอยู่ด้วยกันเยอะเลย เหมือนได้กลับมาใกล้ชิดกันแบบมากๆ ได้พูดคุยกันเยอะแล้วก็รู้สึกว่าเออทําไมคนนี้มันแบบเรารู้สึกสบายเวลาอยู่ด้วยจังเลย แล้วเขามีอะไรที่เข้ากับเราหลายอย่างมากก็สามารถพัฒนาต่อไปได้ในอนาคตรู้สึกว่างั้นเป็นคนนี้แหละ...ผมรู้สึกว่าเรื่องศีลเสมอกันน่ะเป็นจริงมากมันไม่ใช่แบบรักษาศีลเสมอ แต่มันเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมเรื่องความคิด เรื่องวิธีการใช้ชีวิตที่อาจจะมีความต่างกันแต่มันสามารถเข้ากันได้เรียกว่าสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ กับคนอื่นคือมันจะมีการใช้ชีวิตบางอย่างหรือความคิดบางอย่างที่มันโอ้โหไปกันคนละขั้วเลย สุดท้ายแล้วมันไม่สามารถเชื่อมกันได้หรือว่าบาลานซ์กันเข้าสู่ตรงกลางแต่ของเราคือมันจะมีจุดที่สามารถแบบพูดคุยกันเพื่อเข้าสู่ตรงกลางได้ครับ ส่วนมากก็จะเป็นแบบเรื่องไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันเยอะเหมือนกัน”
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่นับเป็นเรื่องใหญ่ของวงการแฟชั่นคือการที่เขาได้ไปร่วมเดินแบบบนรันเวย์ของ Hugo Boss ในมิลานแฟชั่นวีค นับเป็นหนึ่งงานสำคัญสำหรับเขานอกเหนือไปจากการร่วมงานกับแบรนด์โกลบัลอื่นๆ อีกมากมาย
“ตอนแรกพอคิดว่าเราทํางานกับ global brand เนี่ยจะมีความเครียด มีความจริงจังครับ แต่สุดท้ายแล้วสนุกมาก คือไม่ว่าจะไป ร่วมงานอีเวนต์หรือว่าไปประชุมโปรเจกต์กับแบรนด์ ทุกคนเฟรนด์ลีกับผมมากแล้วก็มีเขามีความครีเอทีฟครับ นั่งคุยกันก็จะมองว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเราสามารถมาทํางานด้วยกันยังไง ในมุมมองด้านศิลปินหรือว่าในด้านแฟชั่นสามารถแตกแขนงไปสู่อะไรได้บ้าง ก็รู้สึกว่าสนุกมากที่ได้มีโอกาสทํางานตรงนี้ครับ การทำงานด้านแฟชั่นมันก็จะมีการแชร์กันระหว่างตัวตนของแบรนด์กับตัวตนของเรา ซึ่งตรงกลางที่มีความสมดุลระหว่างสองอย่างนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นความท้าทายเหมือนกันครับ เพราะว่าแฟชั่นมันก็คือความเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่ามันมีซีซั่นของมันมีเทรนด์ของมัน ซึ่งทําให้เกิดความสนุกมากในการทำงานแฟชั่นครับ...ตอนที่ได้รับการติดต่อมาว่าจะต้องเดินในโชว์ด้วยก็ตื่นเต้นมาก ถึงหน้างานผมตื่นเต้นมากจริงๆ พอเราได้อยู่ร่วมกับคนอื่นรวมทั้งโมเดลคนอื่น ทุกคนก็จะเป็นโมเดลมืออาชีพแล้วก็มีอินฟลูเอนเซอร์ เราก็อยู่ในพาร์ทของศิลปินนะครับ พอเข้าไปอยู่ตรงนั้นก็โอ้โหยังไงดีเนี่ย แต่ว่าก็รู้สึกว่าโชคดีแล้วก็ดีใจมากที่ได้รับโอกาสนี้ครับ ถึงเวลาได้เดินจริงเนี่ยความตื่นเต้นมันหายไปหมดเลย แล้วก็รู้สึกว่าสถานที่ ชุด รวมทั้งเพลงด้วย โดยเฉพาะเพลงมันทําให้เรารู้สึกอินกับความเป็นศิลปินแล้วสามารถถ่ายทอดการเดินแบบตอนนั้นได้ สําหรับตัวเองก็พอใจมากๆ เลยครับ”
อ่านสัมภาษณ์พิเศษของ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ เต็มรูปแบบได้ที่นิตยสาร Hashtag Legend Thailand ฉบับเดือนธันวาคมได้แล้ววันนี้
Creative idea and Concept/ #Legend_th
Model/ Suppasit “Mew” Jongcheveevat
Editor-in-chief and Fashion Director/ Asst. Prof. Rewat Chumnarn
Style/ Kontorn Hams
Photography/ Somkiat Kangsdalwirun
Hair/ Peerachada Kittirukpokin
Make-up/ Rasika Tummasil
Stylist Assistant/ Jaruwat Suttatum
Intern/ Thammachart Kongsin
Special Thanks/ Lennon’s Bar at Rosewood Bangkok