Divine Jewels: The Pursuit of Beauty นิทรรศการเครื่องประดับชิ้นประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยาก ณ โรงเรียนศิลปะอัญมณีในกรุงปารีส

"...ในระหว่างสัปดาห์แฟชั่น ณ กรุงปารีสนั้น #legend_th ได้หาเวลาเพื่อปลีกตัวจากตารางโชว์อันวุ่นวายเพื่อไปเยือน Hôtel de Mercy-Argenteau โรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหราซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนศิลปะอัญมณีโดย Van Cleef & Arpels ณ กรุงปารีสถูกเลือกให้เป็นสถานที่ในการจัดแสดงนิทรรศการสุดพิเศษ ‘Divine Jewels: The Pursuit of Beauty’ นิทรรศการนี้ต้อนรับผู้มาเยือนเข้าสู่อาณาจักรอัญมณีที่หายากอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ชวนหลงใหล นิทรรศการนี้จัดขึ้นโดยL’École School of Jewellery Arts นำเสนอเครื่องประดับชิ้นพิเศษที่หาชมได้ยากกว่า 20 ชิ้นที่ได้คัดสรรมาจากคอลเลคชั่น Albion Art อันล้ำค่าของนักสะสมอัญมณีชื่อดังชาวญี่ปุ่น Kazumi Arikawa ..."

^{เข็ดกลัดนางระบำโดย Van Cleef & Arpels จากปี1951 ตัวเรือนแพลตินัมประดับแซฟไฟร์ © Albion Art Jewellery Institute,} 

^{ภาพถ่ายโดย Tsuneharu Doi from 'Divine Jewels'}

ท่ามกลางเสน่ห์ของจี้รูปโบราณและการสร้างสรรค์ตามธรรมชาติในศตวรรษที่ 19 เรายังจะได้สัมผัสกับผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่นที่หาชมได้ยากไม่ว่าจะเป็นจี้รูปเทพธิดาอันน่าหลงใหลในยุค Renaissance-revival
เข็มกลัดนางระบำที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างละเอียดอ่อนผลงานจาก Van Cleef & Arpels ที่ทำขึ้นในปี 1951 และมงกุฏแพลตินัมประดับเพชรที่มีดีไซน์อันชวนทึ่งที่รังสรรค์ขึ้นโดย Filippo Chiappe ในปี 1909 นิทรรศการครั้งนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในการเปิดตัวหนังสือใหม่ของ Kazumi Arikawa โดยที่หนังสือนั้นมีชื่อเดียวกับนิทรรศการ 'Divine Jewels: In Pursuit of Beauty’ เนื้อหาในหนังสือได้บอกเล่าถึงเครื่องประดับในประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยากและเรื่องราวการเป็นนักสะสมอัญมณีของ Kazumi Arikawa ตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมาร้อยเรียงผ่านเนื้อหาทั้งหมดสิบบทด้วยกัน

“Divine Jewels: The Pursuit of Beauty” จัดพิมพ์โดย Flammarion เป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือของ Arikawa และนักประวัติศาสตร์อัญมณี Diana Scarisbrick สะท้อนความงามของจิวเวลรี่ผ่านภาพถ่ายโดย Nils Herrmann หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยรูปภาพและคำอธิบายเครื่องประดับชิ้นสำคัญกว่า 250 ชิ้นที่อาริกาวะเคยครอบครองในระหว่างที่เขาเป็นนักสะสมอัญมณี

 เพื่อให้เราดื่มดำไปกับนิทรรศการผู้เข้าชมจะต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนเท่านั้น การเข้าชมจะแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีนักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจาก L’École des Arts Joailliers เป็นผู้บรรยายในระหว่างเข้าชมโดยใช้เวลา 30 นาที ซึ่ง #legend_th ได้รับเกียรติจาก ดร. Léonard Pouy อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์เครื่องประดับและอัญมณีชั้นสูงให้เกียรติเป็นผู้บรรยายด้วยตัวเอง นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องราวของงานฝีมือ และประวัติศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังผลงานอันวิจิตรงดงามในแต่ละชิ้น นิทรรศการในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้หลงใหลในอัญมณีได้ดำดิ่งสู่โลกอัญมณีที่น่าหลงใหลที่สุด และHôtel de Mercy-Argenteau เป็นสถานที่อันไร้ที่ติในการมอบประสบการณ์การเดินทางล้ำค่าสู่อาณาจักรอัญมณีที่ยากจะหาใครเหมือน

^{สร้อยคอ Giardinetti จากกลางศตวรรษที่ 18 ตัวเรือนทองประดับทับทิม มรกต แอเมธิสต์ และเพชร จากคอลเลคชั่นส่วนตัว}

^{© Albion Art Jewellery Institute, ภาพถ่ายโดย Tsuneharu Doi จากหนังสือ 'Divine Jewels,' Flammarion}

^{จี้รูปเทพธิดาในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ โดย Alexis Falize (1811–1898) และ Lucien Falize (1839–1897) ในปลายศตวรรษที่ 19
ตัวเรือนทองลงยาประดับแซฟไฟร์ มรกต และไข่มุก คอลเลคชั่นส่วนตัว © Albion Art Jewellery Institute - ภาพถ่ายโดย Tsuneharu Doi,
จากหนังสือ Divine Jewels, Flammarion}

^{สร้อยโช้คเกอร์ จาก Boucheron ในปี 1910 ตัวเรือนแพลตินัมประดับเพชร คอลเลคชั่นส่วนตัว
© Albion Art Jewellery Institute - ภาพถ่ายโดย Nils Herrmann, จากหนังสือ Divine Jewels, Flammarion}

^{จี้ Orpheus โดย Gabriel Falguières ( 1888–1922) สร้างสรรค์ในปี 1900 ตัวเรือนทองประดับคาลเซโดนี เพชร และไข่มุก  คอลเลคชั่นส่วนตัว
© Albion Art Jewellery Institute - ภาพถ่ายโดย Nils Herrmann, จากหนังสือ Divine Jewels, Flammarion}

^{เซ็ตเครื่องประดับโทปาศสีชมพูจากราชวงศ์  Hohenzollern สันนิษฐานว่ามาจากเยอรมนี ในปี1810 ตัวเรือนทองและเงินประดับโทปาซสีชมพูและเพชร คอลเลคชั่นส่วนตัว
© Albion Art Jewellery Institute - ภาพถ่ายโดย Nils Herrmann, จากหนังสือ Divine Jewels, Flammarion}

 

 

 

 

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

โพสต์ที่แชร์โดย #legend Thailand (@hashtag_legendth)

อ่านบทความเพิ่มเติม: เมื่อลวดลาย Damier อันคลาสสิกถูกตีความใหม่ผ่านคอลเลคชั่นเครื่องประดับอันล้ำสมัยจาก Louis Vuitton