Logo Hashtag Legend

7 เรื่องราวความรักอมตะที่ควรดูในวันวาเลนไทน์

Author: Kantinan Srisan | Photographer: -

Feb 14, 2024

"...ตั้งแต่เรื่องราวความรักยุคใหม่ไปจนถึงผลงานชิ้นอมตะแห่งวงการภาพยนตร์ที่ทิ้งรอยความประทับใจไม่รู้ลืมเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เตรียมป๊อปคอร์นให้พร้อมและโอบกอดคนรักข้างกายให้แนบชิด และดื่มด่ำไปกับภาพยนตร์ทั้ง 7 ที่ #Legend คัดสรรมาให้อย่างตั้งใจที่จะพาคุณล่องลอยไปกับช่วงเวลาต้องมนต์ในโลกแห่งความรัก..."

Pretty Woman (1990)

หนึ่งในผลงานขึ้นหิ้งที่ผนวกรวมเรื่องราวของสไตล์และความรักเข้าหากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความต่างชนชั้นของตัวละครอย่างวิเวียน (Julia ฑoberts) สาวค้าบริการจิตใจดี และเอ็ดเวิร์ด (Richard Gere) มหาเศรษฐีนักธุรกิจผู้ทรงเสน่ห์ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่าง อบอุ่น กลมกล่อม และชวนฝัน คือองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความน่าสนใจให้กับเส้นเรื่องอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ทั้งยังเป็นส่วนที่มอบเสน่ห์ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างแท้จริง

รับชมได้ทาง: Netflix และ Disney+

The Before Trilogy (1995, 2004, 2013)

มหากาพย์ไตรภาคความรักของ Richard Stuart Linklater บอกเล่าเรื่องราวความรักของเจสซีและเซลีน ความโดดเด่นคงไม่ใช่อื่นใดนอกจากความสมจริงของบทสนทนาที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงของการเล่าเรื่อง การแยกจากและกลับมาพบกัน และด้วยสายสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นผ่านระยะเวลาที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษ ไตรภาคนี้คือหนึ่งในภาพยนตร์ชุดที่ถ่ายทอดความละเอียดอ่อนและความซับซ้อนของความสัมพันธ์ได้อย่างเข้มข้น แม้จะไม่ได้หอมหวานและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักที่สมหวัง แต่ด้วยคอนเซปต์ที่ชัดเจนนี้ ไม่ทำให้เราแปลกใจซักเท่าไหร่ที่ไตรภาคชุดนี้จะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายคนทั่วโลก

รับชมได้ทาง: Apple TV และ Google Play

Atonement (2007)

บรรยากาศความตึงเครียดของสงครามโลกครั้งที่สอง Atonement และเรื่องราวความรักหวานปนขม การแยกจาก ที่เกิดขึ้นจากคำโกหก ที่หากใครเคยมีโอกาสรับชมมาก่อน คงทราบได้ถึงความสะเทือนใจ อย่างไรก็ตาม ความขมขื่นของเส้นเรื่องไม่อาจทำให้ความน่าสนใจของ Atonement ลดลงแต่อย่างใด หากแต่สร้างความน่าสนใจให้กับการแสดง บทพูด และภาพในจอได้อย่างทรงพลัง หากความรักหวานปนขมคืออะไรที่คุณสนใจ Atonement คือหนึ่งในทางเลือกที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

รับชมได้ทาง: Apple TV และ Google Play รวมถึง Amazon Prime

Breakfast at Tiffany’s (1961)

บทฮอลลี่ โกไลท์ลี ของ Audrey Hepburn ใน Breakfast at Tiffany’s คือหนึ่งในผลงานที่นำพาเธอขึ้นสู่ตำแหน่งดาวค้างฟ้าได้อย่างแท้จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้เจาะลึกในเรื่องราวของความรัก (และสไตล์) การค้นพบตัวตน และการหาให้พบซึ่งคุณค่าของตัวบุคคล ความเปราะบางของฮอลลี่ที่ส่งผ่านการแสดงออกทางใบหน้าและแววตาของ Audrey Hepburn คือองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความมีมิติให้กับตัวละคร และทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวเลือกอมตะเมื่อพูดกันถึงเรื่องราวความรัก

รับชมได้ทาง: Apple TV

In the Mood for Love (2000)

ผลงานชิ้นตำนานจากสายตาของ Wong Kar-Wai In the Mood for Love เป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นอย่างมากในหลากหลายแง่มุม ทั้งภาพ เสียง บทสนทนา และเส้นเรื่องของความรักที่ผิดทำนองครองธรรม ความเจ็บปวดของอารมณ์ที่ไม่ถูกเปิดเผย คือองค์ประกอบที่ยกระดับความเป็นมาสเตอร์พีซให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง

รับชมได้ทาง: Apple TV และ Disney+

The Notebook (2004)

ภาพยนตร์ที่ปรับแต่งขึ้นจากบทประพันธ์ของ Nicholas Charles Sparks The Notebook ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นคลาสสิคที่ทำให้ผู้คนหลั่งน้ำตาได้แม้ในปัจจุบัน ที่ซึ่งเวลาล่วงเลยมาแล้วกว่าสองทศวรรษ บทการแสดงของโนอาห์และอัลลี่ ที่ต้องเดินทางผ่านความแตกต่างของชนชั้นสังคมและความทรงจำที่กำลังจะแตกสลาย เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นและชวนให้เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน และด้วยความต่างอย่างสุดขั้วของสองอารมณ์นี้ทำให้ The Notebook เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ความรักที่เราแนะนำ

รับชมได้ทาง: Apple TV และ Google Play

Gone With the Wind (1939)

ผลงานชิ้นอมตะที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่ยุคสงครามกลางเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา Gone With the Wind  นำเสนอเรื่องราวความรักอันร้อนแรงระหว่างสการ์เล็ต โอฮาร่าและเรท บัทเลอร์ ที่จำต้องเผชิญกับการสูญเสียท่ามกลางฉากหลังของสงคราม ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นมหากาพย์ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาจวบจนปัจจุบัน แม้จะมีความยาวที่นานถึง 3 ชั่วโมง 58 นาที แต่การันตีได้ว่าทุกนาทีนั้นคุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างไม่ต้องสงสัย และเราขอแนะนำให้คุณเปิดใจกับมาสเตอร์พีซเรื่องนี้

รับชมได้ทาง: Apple TV และ Google Play

รูปภาพจาก: IMDb

อ่านบทความเพิ่มเติม: 10 movies to look forward to in 2024

RECOMMENDED READS