นับเป็นที่สร้างความโศกเศร้าและเป็นความสูญเสียของอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อนักออกแบบระดับตำนานอย่าง Giorgio Armani ได้จากโลกนี้ไปในวัย 91 ปี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม้ในปัจจุบันจะมีนักออกแบบมากความสามารถมากมายในวงการแฟชั่น แต่หนึ่งในบุคคลที่ยืนอยู่ในฐานะ ‘บรมครู’ กลับมีเพียงหยิบมือ และเขาคนนี้คือหนึ่งในผู้ที่สร้างคุณูปการสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย และวันนี้ #legend_th จะพาทุกคนไปสัมผัสถึงเหตุผลว่าทำไม Giorgio Armani ถึงเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ และเหตุใดที่ตำนานของเขาจะไม่จากหายไปไหนและยังคงยืนอยู่ในฐานะของต้นแบบแรงบันดาลใจของนักออกแบบรุ่นใหม่สืบไป
การเดินทางครั้งสำคัญที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1975 ณ กรุงมิลาน ร่วมกับ Sergio Galeotti แม้จะไม่ได้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากนักเมื่อเทียบกับบรรดาห้องเสื้อที่มีอายุกว่า 100 ปีในอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่าง CHANEL, Louis Vuitton หรือ Lanvin แต่กลับสร้างจุดเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงได้อย่างมากมาย ทั้งแฟชั่นสุภาพสตรี สุภาพบุรุษ โลกภาพยนตร์ และโลกไลฟ์สไตล์

The tastemaker
สุภาพสตรีในแบบฉบับของ Armani อาจไม่ได้หวือหวาเฉกเช่นห้องเสื้อแห่งอื่น แต่สัญญะความเป็นอิตาลีคือสิ่งที่แฝงอยู่ในทุกอนูของการออกแบบ ความโก้หรู เรียบง่าย และรายละเอียดที่ประณีตอย่างที่สุดคือสิ่งที่ทุกคนสามารถคาดหวังได้จากผลงานของเขา แต่ไม่เพียงเท่านั้น นอกเหนือไปจาก Coco Chanel ที่เป็นผู้ริเริ่มในการนำเสนอกางเกงให้แก่หญิงสาวทั่วโลกแล้ว Giorgio Armani ยังเป็นอีกคนที่นำโครงสร้างเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายความเป็นบุรุษ เข้ามาสอดแทรกในเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีด้วยเช่นกัน ผ่านชุดสูท เบลเซอร์ที่ได้รับการตีความรายละเอียดขึ้นใหม่ให้สอดคล้องไปกับสรีระของสตรีมากด้วย

แต่หาใช่ว่า Giorgio Armani จะมุ่งมั่นกับการสอดแทรกสัญญะความเป็นชายเข้าสู่อาภรณ์สตรีเพียงอย่างเดียว เพราะไลน์การออกแบบอย่าง “Armani Privè” หรือไลน์การผลิตระดับโอตกูตูร์ของแบรนด์ยังคงเป็นที่ยอมรับ ชื่นชอบ และหลงรักของเหล่าสตรีทั่วโลก ที่ซึ่งสำหรับผู้ที่ติดตามงานกาล่าสำคัญของโลกอย่าง Met Gala ที่ไม่ว่าจะมาในธีมที่ท้าทายแค่ไหน ชุดของ Armani Privè ยังคงเป็นหนึ่งในชุดเกราะที่สุภาพสตรีหลายคนเลือกใช้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความโก้หรูที่ไม่ส่งเสียงรบกวนแต่แฝงด้วยรายละเอียดและกิมมิกอันฉลาดล้ำจากวิสัยทัศน์ของ Giorgio Armani ได้เซ็ตบรรทัดฐานความงามในจิตใจของสุภาพสตรีทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง

Redefining Menswear
คุณูปการที่ Giorgio Armani ได้มอบให้แก่โลกแฟชั่นของสุภาพบุรุษนั้นมีให้เห็นอยู่อย่างล้นหลาม แต่หากจะพูดถึงไอเดียที่เปลี่ยนมุมมองการออกแบบของเมนส์แวร์ไปตลอดกาล สิ่งนั้นไม่ใช่อื่นใดนอกเสียจาก ‘Soft Tailoring’ ในยุคก่อน สูทหรือเบลเซอร์ที่ดีได้ถูกนิยามด้วยโครงสร้างภายในที่เนี้ยบ คมเพื่อขับในบุคลิกของผู้สวมใส่มีความแมสคิวลีนอย่างที่สุด ทำให้ห้องเสื้อสายเทลเลอร์สไตล์อังกฤษจากถนน Savile Row ไม่ว่าจะเป็น Huntsman & Sons, Gieves & Hawkes หรือ Edward Sexton ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ณ ขณะนั้น

แต่เมื่อกาลเวลาเดินทางมาถึงยุค 1980s Giorgio Armani ได้เห็นว่า แท้จริงแล้วชุดสูทไม่สมควรที่จะถูกเปรียบเทียบให้เป็นดั่งชุดเกราะของสุภาพบุรุษ ในทางกลับกัน มันสมควรที่จะถูกตีค่าเป็นดั่ง ‘ผิวหนังชั้นที่สอง’ มากกว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเริ่มทำการคิดค้นชุดสูทที่เรียกกันว่า ‘Unconstructed’ หรือชุดสูทที่ปราศจากโครงสร้างส่วนเกินที่แม้จะช่วยผยุงให้สรีระของบุรุษดูเนี้ยบตามค่านิยม แต่ไม่ได้มีความจำเป็นอย่างมีนัยยะสำคัญออกไป เพื่อสร้างความพลิ้วไหวที่มากขึ้นให้เสื้อผ้าและสอดรับกับร่างกายของผู้สวมใส่ได้มากขึ้น สิ่งนี้แม้ฟังใน ณ ขณะปัจจุบันอาจไม่ได้ดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากนัก แต่หากมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ Unconstructed Tailor ได้ถูกคิดค้นขึ้น มันถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการปฏิวัติวิถีการออกแบบของโลกซาทอเรียลไปอย่างสิ้นเชิง และทำให้ในยุค 1990s ได้รับการขนานนามว่าเป็นดั่ง Armani Era ในอุตสาหกรรมแฟชั่นในเวลาต่อมา

A Cinematic Affair
นับเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ Giorgio Armani เข้าไปอยู่ในดวงใจของผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง เมื่อบรมครูผู้นี้ถือเป็นนักออกแบบมือฉมังที่มีความยึดโยงกับโลกภาพยนตร์อย่างลึกซึ้ง ผ่านการออกแบบคอสตูมให้กับภาพยนตร์ระดับพระกาฬมากหน้า และยังเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ตัวเขาเป็นที่รักของเหล่าดาราฮอลลีวูดระดับเอลิสต์อย่างมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นAmerican Gigolo ปี 1980 ภาพยนตร์น้ำดีที่ขึ้นหึ้งเรื่องสไตล์ในสายเมนส์แวร์ที่นำแสดงโดยRichard Gere ที่สวมใส่คอสตูมที่ออกแบบโดยเขาตลอดทั้งเรื่อง Inglourious Basterds ในปี2009 ภาพยนตร์สุดดิบในสไตล์ของQuentin Tarantino ที่เขาได้ร่วมออกแบบดินเนอร์แจ็คเก็ตให้กับBrad Pitt ผู้รับบท Aldo RaineไปจนถึงThe Dark Knight ในปี 2008 และ The Dark Knight Risesในปี 2012 สำหรับลุคของ Bruce Wayne ที่นำแสดงโดยChristian Bale และ The Wolf of Wall Streetปี 2013 สำหรับตัวละคร Jordan Belfort ที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio อันเป็นผลงานการกำกับของ Martin Scorsese ที่ในเวลาต่อมาทั้งสองได้ร่วมงานกันอีกครั้งในคอลเลกชันที่ทางแบรนด์ทำร่วมกับ KITH อย่าง Armani x Kith ในปี 2024

A Lifestyle Visionary
และท้ายสุดสำหรับแวดวงไลฟ์สไตล์ เมื่อดีไซเนอร์ท่านนี้ไม่ได้มองเห็นความงามเพียงเฉพาะในเรื่องของเสื้อผ้า แต่รวมไปถึงเรื่องของการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ดีที่สุด นำมาสู่การเปิดตัวไลน์สินค้าที่เข้ามาท้าทายบัลลังก์เจ้าแห่งเฟอร์นิเจอร์มากรสนิยมอย่าง Armani Casa ในปี 2000 ที่ในปัจจุบันมีการกระจายโชว์รูมอยู่กว่า 40 สาขาทั่วโลก ตอกย้ำได้ถึงความสำเร็จในการถ่ายโอนรสนิยมจากโลกแฟชั่นมาสู่แวดวงไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง และไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้พอร์ทโฟลิโอของแบรนด์ยังเป็นเจ้าของโรงแรมที่สร้างขึ้นภายใต้ชื่อของ Armani Hotel ทั้งในดูไบและกรุงมิลาน ที่ซึ่งล้วนแล้วแต่ถ่ายทอดควมมวิจิตรในแบบฉบับของ Armani ในทุกตารางนิ้วและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นโดย Armani Casa ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ที่แวะเวียนมาสามารถสัมผัสประสบการณ์ในแบบฉบับของ Armani อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

จากเรื่องราวชวนประทับใจทั้งหมด ทำให้ไม่เป็นที่น่าสงสัยหรือครหาแต่อย่างใดเลยว่าทำไมการเดินทางเพียง 5 ทศวรรษ ทำให้ Giorgio Armani เข้ามามีบทบาทในชีวืตของผู้คนได้อย่างลึกซึ้ง และทำไมจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งที่โลกได้สูญเสียบรมครูท่านนี้ เพราะ Giorgio Armani ไม่ได้เป็นต้นแบบของใครหลายๆ คนในด้านแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นต้นแบบของ ‘ชีวิต’ ที่มากด้วยรสนิยมในองค์รวม การแต่งตัวอันไร้ที่ติ รสนิยมที่ไม่เคยถูกจำกัดด้วยอุตสาหกรรม วิสัยทัศน์อันเฉียบคมและการไม่ประนีประนอมต่อรายละเอียดน้อยใหญ่ ไปจนถึงการเป็นที่รักของผู้คนอย่างล้นหลาม และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรามั่นใจได้อย่างแท้จริงว่าตำนานของบุคคลที่ชื่อ Giorgio Armani จะยังคงอยู่สืบไปแม้ตัวเขาจะได้จากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม
The Real. The Legend. The Legacy. Giorgio Armani.
Photography Courtesy of Armani, IMDB, and Press